RPA for tester
เอา RPA มาทำ Tester ได้หรือป่าว ได้แน่นอนครับ แต่จะเอามาแทนคนเลยนี่ยังไม่ถึงขนาดนั้น แล้วอะไรทีทำได้ดี ก็มีครับจุดเด่นมีแยะเรามาดูกันที่ละข้อกัน ซึ่งลักษณะการทำ test จะเป็นการระบุขั้นตอนการทำงานต่าง ๆ แล้วเขียนเป็น ข้อมูล และ Condition ใน Excel
ข้อดีของ RPA Tester
- ประหยัดเวลาเจ้าหน้าที่ tester ในการ Key Data
- เหมาะสำหรับ test ที่เป็น scenario ปกติ คือ Key ตามที่ออกแบบระบบไว้ ซึ่งระบบควรทำได้เป็นอย่างน้อย
- ตั้งเวลาในการทำ test หรือ ให้ระบบ ticker bot ได้จากเงื่อนไขต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น
- ให้ระบบรายงานผลการ test ว่า ผ่านหรือมี error ที่จุดไหนส่งกลับมาให้ผู้เรียก bot ได้
ข้อเสียของ RPA กับการเป็น tester
- ไม่สามารถทดสอบแบบหา error เช่นการ พยายามให้เกิด error การ key แบบที่ไม่ควรเกิดขึ้น
- การหา error จาก Function สาเหตุเนื่องจาก error มันเป็นสิ่งที่ programmer คาดไม่ถึง ซึ่งพอเราไม่สามารถเดา error ที่เกิดขึ้นได้เราก็ไม่สามารถควบคุม Bot ในการรับมือกับ error ที่เกิดขึ้น
การใช้ RPA ของ Microsoft ต่างกับ ยี่ห้ออื่นยังไง
- ขั้นตอนการ Config ต้องบอกว่าไม่แตกต่าง คือทำได้เร็วพอ ๆ กันกับเรื่องพื้นฐาน
- RPA ของ Microsoft จะเน้นง่าย ดังนั้นจึงไม่เปิดโอกาสให้ทำการเขียน Code มาช่วย ไม่เหมือนกับ RPA ยี่ห้ออื่นที่หาตัวช่วยภายนอกเขียน Code แล้วให้ bot มาเรียกใช้แบบนี้
- ราคา Microsoft ถูกกว่ามาก ๆ ราคาของ Microsoft จะเริ่มที่ 17,000 บาท แต่ของยี่ห้ออื่น จะเริ่มประมาณ 200,000 บาท ( ราคาเป็นแบบเช่าใช้ )
- RPA Microsoft สร้าง Bot ได้ไม่จำกัด แต่มีเงื่อนไขในการเรียกใช้คือ เรียกใช้ได้ครั้งละ 1 bot ในเวลาเดียวกัน
Reference
- RPA by Power Automate Desktop