การส่งข้อมูล Update Promotion ด้วย Mail
การทำ Marketing ด้วย E-mail ยังถือว่าเป็นการทำงานที่จำเป็น เพราะถึงแม้ว่า ระบบ Social Marketing จะสามารถให้เราเข้าถึงลูกค้าได้ง่ายแค่ไหน แต่ถ้าเราต้องการ Fucus แล้วก็ยังไม่มีอะไรดีไปกว่า Direct Mail
ซึ่งสำหรับกรณีที่เรามีลูกค้าประจำของเราอยู่แล้ว การทำ Direct Mail จะได้ประสิทธิภาพมากเพราะสามารถให้ Sales ส่งต่อข้อมูลได้ง่าย การที่ลูกค้าจะ Click ดูรายละเอียดใน Email ก็มี % สูงอีกด้วย
เราจะเลือกเครื่องมืออะไรในการส่ง Mail
เราอาจจะใช้เครื่องมือ ปกติในการส่ง Mail ก็ได้ โดยให้ Sales ส่ง mail แล้ว CC ข้อมูลตามรายชื่อ email ที่เรามี หรือ เราอาจจะส่ง mail ที่ละฉบับก็ได้ แต่วิธีแบบนี้มักไม่ค่อยนิยม เนื่องจาก Marketing ต้องไปบอก Sales ให้ช่วยส่งให้ บางที Sales ก็ไม่ว่างจะส่งแบบนี้ ดังนั้นวิธีนี้จึงตกไปครับ
ใช้บริการจัดส่ง Email ได้รับความนิยมมาก เพราะใช้ Budget น้อย เทียบค่าใช้จ่าย แล้ว Email 1 ฉบับใช้เงินไม่กี่ สตางค์ แถมยังมีบริการฟรี ให้ทดลองใช้อีกเพียบด้วย Marketing ก็แค่ทำ Content + List Email แค่นี้จบ ที่เหลือก็รอดูว่าจะได้ Lead เท่าไหร่
ลองทำ Power Platform ในการส่ง Email Marketing
สำหรับผมแล้ว ผมเคยใช้บริการ Email แบบนี้มาแล้ว แต่ว่า ผมรู้สึกว่ามันไม่ค่อยเหมาะกับผม เพราะธุรกิจผมไม่ได้ขายสินค้าแบบ Mass ข้อมูลลูกค้าเองไม่ได้เป็น 10,000 เป็น 100,000 ผมมีข้อมูลที่หลากหลายมาก เรียกว่า สิ่งที่จะบอกมีแยะ แต่ คนที่จะรับแจ้งมีน้อย สิ่งที่ผมอยากบอกมีอะไรบ้าง
- Update Promotion : สำหรับการตามรายที่ส่งราคาไปแล้ว ต้องการกระตุ้นให้เค้าตัดสินใจได้เร็วขึ้น
- Update Product : สำหรับแจ้งข่าวสินค้า การ อบรม
- Update Information : สำหรับเรื่องทั่วไป เช่น การปรับราคาสินค้า เงื่อนไขประกัน การปรับเปลี่ยนรูปแบบการให้บริการ
ทุกหัวข้อที่ผมเขียนมา ผมอยากให้เชื่อมต่อกับระบบ Lead ของผมโดยตรง Sales แต่ละคนสามารถเลือกส่ง รูปแบบ Mail ได้เอง ซึ่ง การซื้อบริการไม่ตอบโจทย์ที่วุ่นวายของผม ดังนั้นคำตอบของผมคือทำเองเลยครับ
CRM : EMail Marketing
จาก Diagram ระบบสามารถ เลือกกดหนด Filter ช่วงเวลา รายชื่อลูกค้า สถานะ และสามารถเลือกแบบ multi Select รายที่ต้องการส่งได้อีกด้วย คุณสมบัติที่น่าสนใจ เช่น
- การตั้งเวลาส่งแบบ auto
- การกำหนดกลุ่มเป้าหมาย
- เลือกข้อความที่จะจัดส่ง
- ให้ End user สามารถแสดงระดับความสนใจ และ ส่งข้อมูลกลับ
- Sales สามารถเลือกส่งได้เอง
- เก็บ log การส่งข้อมูลใน ระบบ Lead Activity
12 วิธีใช้ Email Marketing แบบมือ Pro
1. สร้างแคมเปญอีเมลอัตโนมัติ
จากการศึกษาพบว่า อีเมลอัตโนมัติ ที่เป็น Welcome Email ที่ส่งหากลุ่มเป้าหมาย สามารถสร้างรายได้ต่ออีเมลได้มากถึง 320% โดยมีอัตราการเปิดอ่านมากกว่าอีเมลประเภทอื่น ๆ ถึง 4 เท่า ขณะที่อัตราการคลิกเข้าไปอ่านก็สูงกว่าอีเมลส่งเสริมการขายถึง 5 เท่า ซึ่งการทำแคมเปญอีเมลอัตโนมัติ นอกจาก Welcome Email แล้วก็ยังสามารถตั้งค่าเพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
- ลดการละทิ้งรถเข็น (ใส่ของในตะกร้ารถเข็นแต่ไม่ซื้อสินค้า)
- ขอบคุณสำหรับการซื้อ การดาวน์โหลด หรือการลงทะเบียน
- ยืนยันการเลือกเข้าร่วม
- เมื่อมีการจัดแคมเปญตามวาระสำคัญ อาทิ วันครบรอบ หรือวันเกิด
- ส่งข้อความหาซ้ำ เมื่อลูกค้าไม่ได้เปิดอ่านอีเมลเป็นเวลาหลายเดือน
2. แบ่งกลุ่มรายชื่ออีเมลกลุ่มเป้าหมาย
การแบ่งกลุ่มรายชื่ออีเมลของกลุ่มเป้าหมาย ช่วยให้สามารถส่งเนื้อหาหรือข้อเสนอที่เป็นส่วนบุคคล และมีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างเจาะจงมากขึ้น ตามความสนใจที่สอดคล้องกัน ได้แก่ ที่ตั้ง ทางภูมิศาสตร์ ประวัติการซื้อ และอื่น ๆ เพื่อนำไปสู่อัตราการเปิดอีเมล อัตราการคลิกอ่านข้อความ และอัตราการสนทนาที่สูงขึ้น
3. ปรับแต่งอีเมลให้เหมาะกับกลุ่มเป้าหมาย
การปรับแต่งอีเมลให้เหมาะกับตามกลุ่มเป้าหมาย จะทำให้อีเมลมีความโดดเด่นและน่าสนใจยิ่งขึ้น โดยเฉพาะหากมีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มเป้าหมายโดยตรง อาทิ สถานที่ของร้านค้าอยู่ในพื้นที่ของกลุ่มเป้าหมาย ทราบประวัติการสั่งซื้อที่ผ่านมาของลูกค้า ซึ่งจะช่วยทำให้อีเมลมีความพิเศษยิ่งขึ้น ส่งผลให้มีอัตราการเปิดอีเมล อัตราการคลิกอ่านข้อความ และอัตราการสนทนาที่สูงขึ้น
4. การสร้างเนื้อหาอีเมลที่น่าดึงดูดใจ
จุดประสงค์หลักในการส่งอีเมลไปหากลุ่มเป้าหมาย ก็เพื่อให้คนเหล่านั้นเปิดอ่าน และดำเนินการสั่งซื้อสินค้า ดังนั้น เนื้อหาในอีเมลจึงต้องดึงดูดใจ และทำให้กลุ่มเป้าหมายรู้สึกว่าตนเองมีส่วนร่วมมากที่สุด จึงจะประสบความสำเร็จในการดึงลูกค้า
5. สร้าง Call to action
การทำการตลาดผ่านอีเมลส่วนใหญ่จำเป็นต้องมีการกระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจ ดังนั้น จึงต้องสร้าง Call to action (CTA) เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าดำเนินการใด ๆ ตามที่ต้องการ เช่น ปุ่ม CTA ที่สามารถคลิกเข้าไปสั่งซื้อสินค้า หรือมีลิงก์ที่เชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์ หรือเพื่ออ่านบล็อก สมัครเข้าร่วมกิจกรรม หรือทำการซื้อในขั้นตอนต่อไป
6. มีการยืนยันตัวตนผ่านอีเมล
การตั้งค่ารูปแบบการสมัครสมาชิกบนหน้า Landing Page หรือ Facebook ถือว่าเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการเพิ่มจำนวนกลุ่มเป้าหมาย แต่ถ้าจะให้ดียิ่งไปกว่านั้น เมื่อพวกเขาสมัครแล้วควรจะมีการส่งอีเมลกลับไปหาอีกครั้ง เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายยืนยันตัวตนด้วย ซึ่งหากมีการยืนยันอีเมลกลับมาอีกครั้ง นั่นหมายความพวกเขาต้องการรับอีเมลจากคุณ และสนใจในสินค้าและบริการนั้น ๆ จริง จึงนำไปสู่การมีส่วนร่วมกับอีเมลที่ส่งไปหามากขึ้น
7. อย่าซื้อรายชื่ออีเมลเด็ดขาด
หากคิดจะทำการตลาดด้วยการใช้รายชื่ออีเมลจากการซื้อมา ก็เตรียมรับมือกับความล้มเหลวได้เลย เพราะรายชื่อเหล่านั้นไม่ได้เป็นกลุ่มที่เลือกรับข่าวสารจากคุณด้วยความสมัครใจ แทนที่จะตอบรับใด ๆ ก็จะทำเครื่องหมายว่าอีเมลที่คุณส่งไปนั้นเป็นสแปม ทำให้ไม่เห็นข้อความอีเมลใด ๆ ที่ส่งมาหาอีก เท่ากับเป็นการทำการตลาดผ่านอีเมลที่สูญเปล่า เนื่องจากไม่มีผลตอบรับใด ๆ กลับมา
8. ล้างรายชื่ออีเมลของคุณ
หากส่งอีเมลไปหาแล้วไม่ได้รับการเปิดอ่านในช่วงเวลาที่กำหนด ให้ล้างบัญชีรายชื่ออีเหล่านั้นเสีย เพื่อจะได้ลดความเสี่ยงจากการถูกระบุว่าอีเมลชองคุณเป็นสแปม ซึ่งเป็นผลดีต่อการทำการตลาดผ่านอีเมล ดังนั้น จึงควรทำการล้างรายชื่อ อีเมลอย่างน้อยทุก 6 เดือน เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งอีเมลไปยังลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได่ดียิ่งขึ้น
9. หลีกเลี่ยงการใช้อี No-reply email address
การทำตลาดอีเมลที่ดี ควรหลีกเลี่ยงการใช้อีเมลแบบ noreply@domain.com หรือ No-reply email address เพราะจะเพิ่มโอกาสที่ทำให้อีเมลของคุณเป็นสแปม แต่ควรให้ลูกค้าสามารถส่งอีเมลตอบกลับได้โดยมีที่อยู่ email address ที่ชัดเจน เช่น customerservice@domain.com เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นให้กลุ่มเป้าหมายในการตอบอีเมลกลับไปอย่างรวดเร็ว
10. ทดสอบอีเมลก่อนส่งทุกครั้ง
ควรตรวจสอบองค์ประกอบทั้งหมดในอีเมลก่อนส่งหากลุ่มเป้าหมายทุกครั้ง และควรจะทดสอบส่งอีเมลหาตนเองก่อน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าอีเมลที่ส่งไปนั้นมีข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วน มีการแสดงผลรูปภาพที่ถูกต้องหรือไม่ มีคำสะกดผิดหรือไม่ หรือไฮเปอร์ลิงก์ที่เชื่อมไปยังหน้าเว็บไซต์เขียนถูกต้องแล้วหรือไม่
11. วิเคราะห์สถิติในการทำการตลาดผ่านอีเมล
การทำการตลาดผ่านอีเมลที่สำคัญที่สุด คือ การทำความเข้าใจการทำงานของอีเมล โดยการศึกษาจากข้อมูลที่รวบรวมไว้ทั้งหมดจากช่องทางการตลาดผ่านอีเมลให้เข้าใจอย่างถูกต้อง เพื่อจะได่นำมาวิเคราะห์เป็นข้อมูลทางสถิติได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ซึ่งสถิติที่ต้องนำมาวิเคราะห์ อาทิ อัตราการเปิดอีเมล อัตราการคลิก อัตราการส่งอีเมล
12. ทำ Split Test
แม้ว่าใคร ๆ ก็สามารถทำการตลาดผ่านอีเมล แต่หากต้องการให้เกิดประสิทธิผล ก็จำเป็นต้องมีการการทดสอบรูปแบบขององค์ประกอบต่าง ๆ บนหน้าเว็บไซต์ (Split Test) เพื่อหารูปแบบที่ให้ผลลัพธ์ดีที่สุด ซึ่งการทำ Split Test หรือ A/B Testing นั้น คือการแบ่งกลุ่มเป้าหมายในการทำการทดสอบออกเป็นสองกลุ่ม เพื่อดูว่าอีเมลแบบใดได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่ากัน อาทิ ข้อความหัวเรื่องที่แตกต่างกัน มีรูปภาพกับไม่มีรูปภาพในอีเมล ปุ่ม CTA ใช้สีแตกต่างกัน หรืออีเมลมาจากชื่อบุคคล ฝ่ายบริการลูกค้า หรือชื่อบริษัท ซึ่งการทำ Split Test จะช่วยให้เข้าใจกลุ่มลูกค้ามากขึ้น
สร้างระบบด้วย Power Platform
ระบบ Email Marketing เราไม่จำเป็นต้องไปซื้อ Application CRM ราคาแพง ๆ เราก็สามารถมีระบบที่ช่วยเราส่ง ข้อมูลผ่าน mail ได้ด้วย Power Platform ที่มีอยู่ในชุด Microsoft 365