New Excel Function Copilot(): สเปรดชีตฉลาดขึ้นด้วย AI

Microsoft ก้าวไปอีกขั้นด้วยการเปิดตัว New Excel Copilot Function ที่จะเปลี่ยนวิธีการใช้งานสเปรดชีตโดยสิ้นเชิง ฟีเจอร์ AI นี้ถูกฝังอยู่ในเซลล์ Excel โดยตรง ช่วยให้คุณทำงานซับซ้อนได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์ การจัดหมวดหมู่ หรือการสรุปข้อมูล ผ่านคำสั่งภาษาธรรมดา 

คืออะไร และทำงานอย่างไร 

หัวใจหลักของ New Excel Copilot Function คือสูตร =COPILOT() ที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้เรียกใช้ Generative AI ได้จากในเซลล์ โดยใช้ GPT-4.1-mini ซึ่งสามารถรับอินพุตเป็นภาษาธรรมชาติและการอ้างอิงเซลล์เพิ่มเติม แล้วส่งคืนเป็นสูตร สรุป ตาราง หรือการจัดประเภท และยังอัปเดตอัตโนมัติเมื่อข้อมูลเปลี่ยน 

ตัวอย่างการใช้งาน: 

=COPILOT(“Classify this feedback”, D4:D18) 
 

คำสั่งง่าย ๆ นี้จะจัดหมวดหมู่ Feedback แต่ละรายการในเซลล์ D4 ถึง D18 เป็น “Positive,” “Negative,” หรือ “Neutral” 

การใช้งานจริง 

• จัดหมวดหมู่ข้อมูลตอบกลับ: ติดแท็กความคิดเห็นลูกค้า แบบสำรวจ หรือข้อมูลปลายเปิดเป็นเชิงบวก เชิงลบ หรือเป็นกลาง 
• สรุปคอลัมน์หรือช่วงข้อมูล: เช่น “Summarize sales trends by region” 
• ดึงข้อมูลเชิงลึก: สร้างตารางข้อมูลสะอาด เช่น ชื่อ เบอร์โทรศัพท์ หรือหมวดหมู่ 
• อัตโนมัติและผสานการทำงาน: ใช้ร่วมกับสูตร Excel อย่าง IF(), LAMBDA, หรือ WRAPROWS เพื่อการทำงานที่ทรงพลังยิ่งขึ้น 

ประโยชน์ของ Copilot Function 

• การทำงานแบบ Native: ฝังมาใน Excel โดยตรง อัปเดตแบบไดนามิกเหมือนสูตรทั่วไป 
• อินพุตเป็นภาษาธรรมชาติ: ไม่จำเป็นต้องมีความเชี่ยวชาญด้านสูตรหรือโค้ด 
• เพิ่มประสิทธิภาพงาน: ลดเวลาการจัดรูปแบบและจัดระเบียบข้อมูลจำนวนมาก 
• ความเป็นส่วนตัว: อินพุตทั้งหมดของผู้ใช้เป็นความลับ ไม่ถูกนำไปใช้ฝึกโมเดล 
• ยืดหยุ่น: ใช้งานผสมผสานกับสูตร Excel มาตรฐานได้ง่าย 

ข้อจำกัดที่สำคัญ 

ทำไมสิ่งนี้จึงสำคัญ 

ฟังก์ชัน =COPILOT() เปลี่ยน Excel จากที่ขับเคลื่อนด้วยสูตร ไปสู่การขับเคลื่อนด้วยภาษา ทำให้ทีมสามารถเชื่อมโยงช่องว่างระหว่างข้อมูลและข้อมูลเชิงลึกได้ง่ายขึ้น—ไม่ว่าจะเป็นการระดมความคิด การสรุป Feedback หรือการสร้างโมเดลง่าย ๆ โดยไม่ต้องมีทักษะ Excel ขั้นสูง 

นี่สะท้อนวิสัยทัศน์ที่กว้างขึ้นของ Microsoft ที่ต้องการมอบ AI ที่ทรงพลังและเข้าถึงง่าย ให้ผู้ใช้สามารถทำงานร่วมกับ AI ได้ตาม Workflow ธรรมชาติ และทำให้งานประจำวันง่ายและเป็นธรรมชาติมากขึ้น 

ตัวอย่างการใช้งานจริงของ New Excel Copilot Function 

จัดหมวดหมู่ความคิดเห็นลูกค้า 

=COPILOT(“Label these as Positive, Negative, or Neutral”, B2:B50) 
 

จัดหมวดหมู่คำตอบแบบสอบถามเป็นเชิงบวก เชิงลบ หรือกลางทันที เหมาะกับงานบริการลูกค้าและการตลาด 

สรุปผลการขาย 

=COPILOT(“Summarize total sales by region”, D2:D200) 
 

สร้างสรุปสั้น ๆ ที่ชี้ให้เห็นภูมิภาคที่ทำผลงานได้ดีที่สุด และพื้นที่ที่การเติบโตชะลอตัว 

ดึงข้อมูลสำคัญ 

=COPILOT(“Extract phone numbers from these notes”, A2:A100) 
 

เปลี่ยนข้อมูลที่ยุ่งเหยิงให้เป็นคอลัมน์ที่ใช้ได้จริงในไม่กี่วินาที 

ระดมความคิดใน Excel โดยตรง 

=COPILOT(“Suggest 10 product names for a new fitness app”) 
 

ทำให้ Excel เป็นเครื่องมือระดมความคิด ช่วยทีมสร้างไอเดียได้ในสเปรดชีต 

เปรียบเทียบกับ AI Tools ของ Google Sheets 

โดยสรุป New Excel Copilot Function มีความยืดหยุ่นและคล้ายสูตรมากกว่า ทำให้เป็นส่วนหนึ่งของ Workflow Excel ในทุกวัน ขณะที่ Google Sheets Explore เป็นเครื่องมือเชิงภาพและเชิงสรุปมากกว่า 

สรุป 

ฟังก์ชันใหม่ Excel Copilot ได้ถูกนำมาใช้ในรูปแบบสูตร =COPILOT() โดยทำงานบนโมเดล GPT-4.1-mini ของ Microsoft ผู้ใช้สามารถพิมพ์คำสั่งเป็นภาษาธรรมชาติได้ พร้อมทั้งสามารถอ้างอิงเซลล์โดยตรง ทำให้ใช้งานได้ง่ายแม้เป็นผู้เริ่มต้น ฟังก์ชันนี้สามารถสร้างผลลัพธ์ได้หลากหลาย เช่น การจัดหมวดหมู่ สรุป ตาราง หรือแม้แต่สูตรที่สมบูรณ์ และยังผสานการทำงานเข้ากับฟังก์ชัน Excel ที่มีอยู่แล้ว เช่น IF หรือ LAMBDA สำหรับการใช้งานขั้นสูง จุดแข็งสำคัญคือผลลัพธ์จะอัปเดตอัตโนมัติทุกครั้งที่ข้อมูลต้นทางมีการเปลี่ยนแปลง ทำให้มั่นใจได้ถึงความถูกต้องแบบเรียลไทม์ 

เพื่อป้องกันการใช้งานเกินความจำเป็น Microsoft ได้กำหนดขีดจำกัดการเรียกใช้ที่ 100 ครั้งในทุก ๆ 10 นาที ซึ่งถือว่าเพียงพอต่อการทำงานส่วนใหญ่ ขณะนี้ฟีเจอร์นี้ยังมีให้ใช้งานเฉพาะใน Excel Beta Program สำหรับผู้ใช้ Windows และ Mac และต้องมีการสมัครใช้งาน Microsoft 365 Copilot อยู่ก่อนแล้ว