Microsoft เปิดตัว Security Copilot Agents และการปกป้อง AI รูปแบบใหม่

ในยุคของ AI การรักษาความปลอดภัยให้กับ AI และการใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกองค์กร ที่ Microsoft เรามุ่งมั่นในการช่วยให้องค์กรสามารถรักษาความปลอดภัยในอนาคตได้ด้วยแพลตฟอร์มความปลอดภัยแบบครบวงจรที่ขับเคลื่อนด้วย AI
เมื่อหนึ่งปีก่อน Microsoft ได้เปิดตัว Microsoft Security AI เพื่อช่วยให้ผู้ป้องกันสามารถตรวจจับ สืบสวน และตอบสนองต่อเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ และวันนี้ เราตื่นเต้นที่จะประกาศพัฒนาการล่าสุดของ Security Copilot ด้วย Security Copilot Agents ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยจัดการด้านความปลอดภัยที่สำคัญ เช่น การป้องกันฟิชชิง ความปลอดภัยของข้อมูล และการจัดการข้อมูลระบุตัวตน ด้วยความเร็วและความซับซ้อนของการโจมตีทางไซเบอร์ที่เกินขีดจำกัดของมนุษย์ การใช้ AI agents จึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับระบบความปลอดภัยสมัยใหม่
ตัวอย่างเช่น การโจมตีแบบฟิชชิงยังคงเป็นหนึ่งในภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่พบได้บ่อยและสร้างความเสียหายอย่างมาก ระหว่างเดือนมกราคมถึงธันวาคม 2024 Microsoft ตรวจพบอีเมลฟิชชิงมากกว่า 30 พันล้านฉบับที่พุ่งเป้าไปยังลูกค้า ปริมาณการโจมตีมหาศาลนี้ทำให้ทีมรักษาความปลอดภัยที่อาศัยกระบวนการตรวจสอบแบบแมนนวลและการป้องกันที่กระจัดกระจายเผชิญกับความยากลำบากในการจัดลำดับความสำคัญของอีเมลอันตราย และใช้ข้อมูลเชิงลึกเพื่อจัดการความเสี่ยงทางไซเบอร์โดยรวม
Phishing Triage Agent ใน Security Copilot ที่เปิดตัวในวันนี้สามารถจัดการการแจ้งเตือนฟิชชิงและการโจมตีทางไซเบอร์ทั่วไปได้โดยอัตโนมัติ ทำให้ทีมรักษาความปลอดภัยสามารถมุ่งเน้นไปที่ภัยคุกคามที่ซับซ้อนมากขึ้น และมาตรการเชิงรุกในการป้องกัน
นอกจากนี้ การรักษาความปลอดภัยและการกำกับดูแล AI ยังคงเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้น ๆ สำหรับองค์กร เราจึงได้พัฒนาโซลูชันเฉพาะทางด้วยนวัตกรรมใหม่ที่ครอบคลุม Microsoft Defender, Microsoft Entra และ Microsoft Purview
การขยายความสามารถของ Security Copilot ด้วย AI Agents
Microsoft Threat Intelligence ประมวลผลข้อมูลมากถึง 84 ล้านล้านสัญญาณต่อวัน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเติบโตอย่างรวดเร็วของการโจมตีทางไซเบอร์ รวมถึงการโจมตีรหัสผ่านมากถึง 7,000 ครั้งต่อวินาที ด้วยเหตุนี้ การขยายการป้องกันทางไซเบอร์ด้วย AI agents จึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อตามให้ทันกับภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เราได้ขยาย Security Copilot ด้วย Security Copilot Agents หกตัวที่พัฒนาโดย Microsoft และอีกห้าตัวจากพาร์ทเนอร์ของเรา โดยทั้งหมดจะพร้อมให้ทดลองใช้งานในเดือนเมษายน 2025
หกโซลูชัน AI Agent ใหม่จาก Microsoft Security
Security Copilot Agents ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยให้ทีมรักษาความปลอดภัยสามารถจัดการงานด้านความปลอดภัยและไอทีที่มีปริมาณสูงได้โดยอัตโนมัติ ในขณะที่สามารถทำงานร่วมกับโซลูชันด้านความปลอดภัยของ Microsoft ได้อย่างไร้รอยต่อ Agents เหล่านี้ได้รับการออกแบบโดยเฉพาะสำหรับการรักษาความปลอดภัย สามารถเรียนรู้จากความคิดเห็นของผู้ดูแลระบบ ปรับให้เข้ากับเวิร์กโฟลว์ และดำเนินการได้อย่างปลอดภัยภายใต้หลักการ Zero Trust
Security Copilot Agents จะพร้อมใช้งานในแพลตฟอร์มความปลอดภัยของ Microsoft เพื่อรองรับการทำงานในด้านต่อไปนี้:
- Phishing Triage Agent ใน Microsoft Defender
จัดการแจ้งเตือนฟิชชิงได้อย่างแม่นยำ ช่วยให้แยกแยะระหว่างภัยคุกคามจริงและการแจ้งเตือนที่เป็นเท็จ พร้อมอธิบายการตัดสินใจของระบบได้อย่างเข้าใจง่าย และสามารถปรับปรุงความแม่นยำตามความคิดเห็นของผู้ดูแลระบบ - Alert Triage Agents ใน Microsoft Purview
วิเคราะห์การแจ้งเตือนเกี่ยวกับการป้องกันข้อมูลรั่วไหล (DLP) และความเสี่ยงภายในองค์กร จัดลำดับความสำคัญของเหตุการณ์สำคัญ และปรับปรุงความแม่นยำของระบบแจ้งเตือนอย่างต่อเนื่อง - Conditional Access Optimization Agent ใน Microsoft Entra
ตรวจสอบการเข้าถึงของผู้ใช้และแอปพลิเคชันใหม่ที่ยังไม่มีนโยบายความปลอดภัยครอบคลุม พร้อมระบุอัปเดตที่จำเป็นเพื่อปิดช่องโหว่ด้านความปลอดภัย และแนะนำการแก้ไขที่รวดเร็วให้กับทีมผู้ดูแลระบบ - Vulnerability Remediation Agent ใน Microsoft Intune
ตรวจสอบและจัดลำดับความสำคัญของช่องโหว่ด้านความปลอดภัย และช่วยแก้ไขปัญหาการตั้งค่านโยบายหรือแอปพลิเคชันโดยอัตโนมัติ รวมถึงเร่งกระบวนการอัปเดตแพตช์ของระบบปฏิบัติการ Windows ด้วยการอนุมัติจากผู้ดูแลระบบ - Threat Intelligence Briefing Agent ใน Security Copilot
รวบรวมข้อมูลข่าวกรองภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่เกี่ยวข้องกับลักษณะเฉพาะขององค์กร และช่วยให้ทีมรักษาความปลอดภัยสามารถตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Security Copilot Agents เป็นตัวอย่างของนวัตกรรมที่เรานำเสนอ โดยอาศัยงานวิจัย AI ที่เราสั่งสมมานานหลายทศวรรษ
โซลูชัน AI Agent ใหม่ห้าตัวจากพาร์ทเนอร์ของ Microsoft Security
ความปลอดภัยเป็นเรื่องของการทำงานร่วมกัน และ Microsoft มุ่งมั่นที่จะเสริมพลังให้กับระบบนิเวศด้านความปลอดภัยผ่านแพลตฟอร์มแบบเปิด ซึ่งช่วยให้พาร์ทเนอร์สามารถสร้างและส่งมอบคุณค่าให้กับลูกค้าได้ ภายใต้แนวคิดนี้ AI agents ห้าตัวจากพาร์ทเนอร์ของเราจะพร้อมใช้งานใน Security Copilot ได้แก่:
- Privacy Breach Response Agent โดย OneTrust
วิเคราะห์การละเมิดข้อมูลเพื่อสร้างแนวทางให้กับทีมกำกับดูแลความเป็นส่วนตัว เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดด้านกฎระเบียบ - Network Supervisor Agent โดย Aviatrix
ดำเนินการวิเคราะห์สาเหตุของปัญหา (root cause analysis) และสรุปปัญหาที่เกี่ยวข้องกับ VPN, เกตเวย์ หรือความล้มเหลวของการเชื่อมต่อ Site2Cloud - SecOps Tooling Agent โดย BlueVoyant
ประเมินศูนย์ปฏิบัติการด้านความปลอดภัย (SOC) และสถานะของมาตรการควบคุม เพื่อให้คำแนะนำที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานด้านความปลอดภัย ปรับปรุงการควบคุม และเสริมสร้างการปฏิบัติตามกฎระเบียบ - Alert Triage Agent โดย Tanium
ให้ข้อมูลเชิงบริบทแก่ผู้วิเคราะห์ด้านความปลอดภัยเพื่อช่วยให้สามารถตัดสินใจเกี่ยวกับการแจ้งเตือนแต่ละรายการได้อย่างรวดเร็วและมั่นใจ - Task Optimizer Agent โดย Fletch
ช่วยองค์กรคาดการณ์และจัดลำดับความสำคัญของการแจ้งเตือนภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่สำคัญที่สุด ลดภาระจากปริมาณการแจ้งเตือนที่มากเกินไป และเพิ่มประสิทธิภาพด้านความปลอดภัย
การสืบสวนและวิเคราะห์ความปลอดภัยของข้อมูลด้วย AI
Microsoft ยังได้ประกาศ Microsoft Purview Data Security Investigations เพื่อช่วยให้ทีมรักษาความปลอดภัยด้านข้อมูลสามารถเข้าใจและลดความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการเปิดเผยข้อมูลที่มีความอ่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว โซลูชันนี้นำเสนอการวิเคราะห์เชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งสามารถระบุข้อมูลที่มีความอ่อนไหวและความเสี่ยงอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ด้านความปลอดภัย ผู้สืบสวนสามารถใช้ข้อมูลเชิงลึกนี้เพื่อทำงานร่วมกับทีมพาร์ทเนอร์ได้อย่างปลอดภัย ลดความซับซ้อนของงานที่ใช้เวลานาน และเพิ่มประสิทธิภาพในการลดความเสี่ยง
โซลูชันนี้ช่วยเชื่อมโยงการสืบสวนด้านความปลอดภัยของข้อมูลเข้ากับเหตุการณ์ภัยคุกคามใน Defender และกรณีความเสี่ยงภายในของ Purview โดยจะเปิดให้ทดลองใช้งานในเดือนเมษายน 2025
ความก้าวหน้าด้านความปลอดภัยและการกำกับดูแล Generative AI
ความสำเร็จในการเปลี่ยนผ่านสู่ AI ขึ้นอยู่กับรากฐานด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่แข็งแกร่ง เมื่อองค์กรเริ่มนำ Generative AI มาใช้มากขึ้น ความจำเป็นในการรักษาความปลอดภัยและกำกับดูแล AI ในที่ทำงานก็เพิ่มสูงขึ้น
จากรายงานล่าสุดของเรา “Secure Employee Access in the Age of AI” พบว่า 57% ขององค์กรรายงานว่ามีเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยเพิ่มขึ้นจากการใช้งาน AI นอกจากนี้ แม้ว่าหลายองค์กรจะตระหนักถึงความจำเป็นในการควบคุม AI แต่ 60% ขององค์กรยังไม่ได้เริ่มดำเนินการ
การรักษาความปลอดภัยของ AI ยังคงเป็นความท้าทายใหม่ที่องค์กรต้องเผชิญ โดยมีข้อกังวลหลัก ได้แก่:
- วิธีป้องกันการแชร์ข้อมูลมากเกินไปและการรั่วไหลของข้อมูล
- วิธีลดความเสี่ยงและช่องโหว่ใหม่ ๆ ที่เกิดจาก AI
- วิธีปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านกฎระเบียบที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
Microsoft Security ได้พัฒนาโซลูชันเฉพาะสำหรับ AI เพื่อช่วยให้องค์กรสามารถจัดการกับความกังวลเหล่านี้ได้ เรากำลังเปิดตัวความสามารถขั้นสูงใหม่ที่ช่วยให้สามารถรักษาความปลอดภัยการลงทุนด้าน AI ทั้งของ Microsoft และ AI อื่น ๆ
การจัดการความปลอดภัยของ AI สำหรับสภาพแวดล้อมแบบมัลติโมเดลและมัลติคลาวด์
องค์กรที่พัฒนาโซลูชัน AI ของตนเองต้องเสริมสร้างความปลอดภัยให้กับ AI ที่มาจากโมเดลต่าง ๆ ซึ่งทำงานบนแพลตฟอร์มและคลาวด์ที่หลากหลาย เพื่อรองรับความต้องการนี้ Microsoft Defender ได้ขยายขีดความสามารถด้าน AI Security Posture Management ให้ครอบคลุมมากกว่าบริการ Microsoft Azure และ Amazon Web Services โดยเพิ่มการรองรับ Google Vertex AI และโมเดลทั้งหมดใน Azure AI Foundry Model Catalog
โดยจะเปิดให้ทดลองใช้งานในเดือนพฤษภาคม 2025 และรองรับโมเดล AI ชั้นนำ เช่น Gemini, Gemma, Meta Llama, Mistral และโมเดลแบบกำหนดเอง ด้วยความสามารถในการทำงานร่วมกันระหว่างคลาวด์ องค์กรจะสามารถมองเห็นสถานะความปลอดภัยของ AI ตั้งแต่โค้ดไปจนถึง runtime ได้ทั่วทั้ง Microsoft Azure, Amazon Web Services และ Google Cloud
Microsoft Defender ช่วยให้องค์กรสามารถเริ่มต้นเสริมสร้างความปลอดภัยให้กับ AI ในสภาพแวดล้อมที่มีหลายโมเดลและหลายคลาวด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การตรวจจับและป้องกันภัยคุกคาม AI รูปแบบใหม่
การพัฒนา AI นำมาซึ่งความเสี่ยงใหม่ ๆ รวมถึงพื้นผิวการโจมตีทางไซเบอร์ที่เพิ่มขึ้นและช่องโหว่ที่ยังไม่เป็นที่รู้จัก โครงการ Open Worldwide Application Security Project (OWASP) ได้ระบุความเสี่ยงที่สำคัญที่สุดและแนวทางลดความเสี่ยงสำหรับแอปพลิเคชัน Generative AI
ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2025 เป็นต้นไป Microsoft Defender จะนำเสนอการตรวจจับภัยคุกคาม AI ที่ได้รับการปรับปรุงให้สามารถระบุความเสี่ยงที่ OWASP ระบุ เช่น การโจมตีผ่าน Indirect Prompt Injection, การเปิดเผยข้อมูลที่มีความอ่อนไหว และการละเมิดกระเป๋าเงินดิจิทัล (Wallet Abuse) ด้วยการตรวจจับใหม่เหล่านี้ นักวิเคราะห์ SOC สามารถปกป้องและป้องกันแอป AI ที่สร้างขึ้นเองได้ดียิ่งขึ้น พร้อมเพิ่มมาตรการป้องกันสำหรับ Azure OpenAI Service และโมเดล AI ที่อยู่ใน Azure AI Foundry Catalog
การควบคุมใหม่เพื่อป้องกันการเข้าถึงที่มีความเสี่ยงและการรั่วไหลของข้อมูลในแอป Shadow AI
เนื่องจากการนำ Generative AI มาใช้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หลายองค์กรเริ่มพบว่ามีการใช้งานแอป AI อย่างแพร่หลายโดยไม่ได้รับการอนุมัติจากทีม IT หรือทีมรักษาความปลอดภัย การใช้งานที่ไม่ได้รับการควบคุมนี้ก่อให้เกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า “Shadow AI” ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงของการรั่วไหลของข้อมูลที่มีความอ่อนไหวอย่างมาก
เพื่อรับมือกับปัญหานี้ Microsoft ประกาศ ความพร้อมใช้งานทั่วไปของ AI Web Category Filter ใน Microsoft Entra Internet Access ซึ่งช่วยบังคับใช้การควบคุมการเข้าถึงในระดับละเอียด (Granular Access Control) โดยกำหนดนโยบายว่าผู้ใช้และกลุ่มใดสามารถเข้าถึงประเภทของแอป AI ต่าง ๆ ได้
นอกจากการควบคุมการเข้าถึงแล้ว อีกชั้นหนึ่งของการป้องกันคือการป้องกัน ไม่ให้ผู้ใช้รั่วไหลข้อมูลที่มีความอ่อนไหวลงในแอป AI เพื่อรองรับสิ่งนี้ Microsoft ได้เปิดตัวการทดสอบ Microsoft Purview Browser Data Loss Prevention (DLP) Controls ใน Microsoft Edge for Business โดยเริ่มต้นรองรับ ChatGPT, Copilot Chat, DeepSeek และ Google Gemini เพื่อช่วยให้ทีมรักษาความปลอดภัยบังคับใช้นโยบาย DLP และป้องกันการป้อนข้อมูลที่มีความอ่อนไหวลงในแอป AI
การป้องกันฟิชชิ่งใน Microsoft Teams เพื่อการทำงานร่วมกันที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น
แม้ว่าฟิชชิ่งผ่านอีเมลยังคงเป็นช่องทางหลักของภัยคุกคามทางไซเบอร์ แต่ซอฟต์แวร์การทำงานร่วมกันก็กลายเป็นเป้าหมายของการโจมตีเช่นกัน
ตั้งแต่เดือนเมษายน 2025 เป็นต้นไป Microsoft Defender for Office 365 จะช่วยปกป้องผู้ใช้จากฟิชชิ่งและภัยคุกคามทางไซเบอร์ขั้นสูงใน Microsoft Teams โดยมีฟีเจอร์ Inline Protection ที่ช่วยป้องกันลิงก์ที่เป็นอันตรายแบบเรียลไทม์ รวมถึงการสแกนไฟล์แนบและลิงก์แบบทันที
เพื่อให้ทีม SOC สามารถติดตามความพยายามในการโจมตีและเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องได้อย่างครอบคลุม การแจ้งเตือนและข้อมูลที่เกี่ยวข้องจะถูกรวมอยู่ใน Microsoft Defender
นวัตกรรมที่คล่องตัวเพื่อสร้างโลกที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น
Microsoft ยังคงมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมด้านความปลอดภัย โดยใช้หลักการของ Secure Future Initiative เพื่อส่งมอบการป้องกันที่ครอบคลุม ตั้งแต่ระดับผู้ป้องกันภัยไซเบอร์ไปจนถึง AI อัจฉริยะระดับอุตสาหกรรม และช่วยให้องค์กรมีเครื่องมือที่สามารถ รักษาความปลอดภัยและกำกับดูแล AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เรารู้สึกขอบคุณลูกค้าและพาร์ทเนอร์ของเราที่ร่วมมือกันสร้างโลกที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น และเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถร่วมสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านความปลอดภัยให้ดียิ่งขึ้นในอนาคต
บทสรุป
เมื่อภัยคุกคามทางไซเบอร์มีการพัฒนาไปทั้งในแง่ของขนาดและความซับซ้อน องค์กรจำเป็นต้องปรับใช้ โซลูชันด้านความปลอดภัยที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อรับมือกับความท้าทายใหม่ ๆ
Microsoft Security Copilot ซึ่งรวมเอา AI Agents อัจฉริยะเข้ากับโซลูชันด้านความปลอดภัย เช่น Microsoft Defender, Entra, Purview และอื่น ๆ เป็นก้าวสำคัญของการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ในยุคปัจจุบัน นวัตกรรมเหล่านี้ไม่เพียงช่วยเสริมสร้าง การตรวจจับภัยคุกคามและการตอบสนอง แต่ยังช่วยให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลมีความปลอดภัยเป็นอย่างดี เป็นไปตามข้อกำหนดด้านกฎระเบียบ และสามารถจัดการความเสี่ยงเชิงรุกได้
Microsoft ยังคงเป็นผู้นำด้านการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ในยุคที่ขับเคลื่อนด้วย AI โดยขยายขีดความสามารถของ AI Security Posture Management ไปสู่สภาพแวดล้อมแบบ Multimodel และ Multicloud เสริมสร้างการป้องกันฟิชชิ่งใน Microsoft Teams และจัดการกับความเสี่ยงที่เกิดจาก Shadow AI
ในยุค AI นี้ Microsoft ยังคงมุ่งมั่นนำเสนอนวัตกรรมด้านความปลอดภัยที่ล้ำสมัย เพื่อช่วยให้องค์กรสามารถสร้างสภาพแวดล้อมดิจิทัลที่มีความปลอดภัย แข็งแกร่ง และพร้อมรับมือกับอนาคต
สนใจผลิตภัณฑ์และบริการของ Microsoft หรือไม่ ส่งข้อความถึงเราที่นี่
สำรวจเครื่องมือดิจิทัลของเรา
หากคุณสนใจในการนำระบบจัดการความรู้มาใช้ในองค์กรของคุณ ติดต่อ SeedKM เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบจัดการความรู้ภายในองค์กร หรือสำรวจผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น Jarviz สำหรับการบันทึกเวลาทำงานออนไลน์, OPTIMISTIC สำหรับการจัดการบุคลากร HRM-Payroll, Veracity สำหรับการเซ็นเอกสารดิจิทัล, และ CloudAccount สำหรับการบัญชีออนไลน์
อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบจัดการความรู้และเครื่องมือการจัดการอื่นๆ ได้ที่ Fusionsol Blog, IP Phone Blog, Chat Framework Blog, และ OpenAI Blog.
Chatbot สำหรับ WebApp สร้างความผูกพันกับลูกค้าด้วยระบบอัตโนมัติ – Chatframework AI
ถ้าอยากติดตามข่าวเทคโนโลยีและข่าว AI ที่กำลังเป็นกระแสทุกวัน ลองเข้าไปดูที่ เว็บไซต์นี้ มีอัปเดตใหม่ๆ ให้ตามทุกวันเลย!
Related Articles : Microsoft Security Copilot Agents
- Microsoft Copilot คือ มีไว้ทำอะไร ช่วยอะไรซื้อที่ไหน ราคาเท่าไหร่
- Copilot คืออะไร? คู่มือฉบับสมบูรณ์ พร้อมเปรียบเทียบ AI
- What Can You Do with Copilot Assistant For Your Business Growth
- 5 Common Data Loss Risks and How DLP Can Prevent Them
- Microsoft and NVIDIA Partner to Accelerate AI Development and Performance
- Chatbot for WebApp Engages Customers with Automation
Frequently Asked Questions (FAQ)
Microsoft Security Copilot Agents คืออะไร?
Microsoft Security Copilot Agents เป็น AI อัจฉริยะที่ช่วยองค์กรป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์โดยอัตโนมัติ สามารถจัดการงานด้านความปลอดภัย เช่น การตรวจจับฟิชชิง การป้องกันข้อมูลรั่วไหล และการบริหารจัดการข้อมูลระบุตัวตนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Microsoft Security Agents ช่วยป้องกันฟิชชิงได้อย่างไร?
Phishing Triage Agent ใน Microsoft Defender สามารถวิเคราะห์และจัดลำดับความสำคัญของการแจ้งเตือนฟิชชิงได้อัตโนมัติ ลดอัตราการแจ้งเตือนที่ผิดพลาด และช่วยให้ทีมรักษาความปลอดภัยสามารถจัดการกับภัยคุกคามที่สำคัญได้เร็วขึ้น
Security Agents ทำงานร่วมกับโซลูชันของ Microsoft อื่น ๆ ได้หรือไม่?
ได้ Security Agents ถูกออกแบบมาให้ทำงานร่วมกับ Microsoft Defender, Microsoft Entra, Microsoft Purview และเครื่องมือด้านความปลอดภัยอื่น ๆ ในระบบนิเวศของ Microsoft อย่างไร้รอยต่อ
Security Agents ช่วยองค์กรลดความเสี่ยงจากข้อมูลรั่วไหลได้อย่างไร?
Alert Triage Agents ใน Microsoft Purview สามารถวิเคราะห์และตรวจจับพฤติกรรมที่อาจเสี่ยงต่อการรั่วไหลของข้อมูล เช่น การส่งข้อมูลอ่อนไหวออกไปยังบุคคลภายนอก พร้อมให้คำแนะนำในการป้องกันที่เหมาะสม
องค์กรสามารถเริ่มต้นใช้ Microsoft Security Agents ได้เมื่อใด?
Microsoft Security Agents จะพร้อมให้ทดลองใช้งานในเดือนเมษายน 2025 โดยองค์กรสามารถเริ่มต้นปรับใช้เพื่อลดความเสี่ยงด้านความปลอดภัยและเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ได้ทันที