ไมโครซอฟต์ Antivirus Pricing: ตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับความต้องการของคุณ

ในโลกดิจิทัลปัจจุบัน ความปลอดภัยทางไซเบอร์เป็นสิ่งสำคัญสูงสุดสำหรับทั้งบุคคลและธุรกิจ Microsoft Defender ซึ่งเป็นโซลูชันป้องกันไวรัสที่ครอบคลุม มีตัวเลือกการกำหนดราคาแบบยืดหยุ่นเพื่อตอบสนองความต้องการด้านความปลอดภัยที่หลากหลาย ตั้งแต่การป้องกันอุปกรณ์ส่วนตัวไปจนถึงโซลูชันสำหรับธุรกิจขนาดใหญ่ Microsoft Antivirus Pricing นำเสนอตัวเลือกที่เหมาะสมและคุ้มค่า สำหรับผู้ใช้งานทุกประเภท ในบทความนี้ เราจะมาดูรายละเอียดแผนการใช้งาน คุณสมบัติ และคำแนะนำสำหรับการเลือกแผนที่เหมาะสม
ทำความเข้าใจกับ ไมโครซอฟต์ Antivirus Pricing
Microsoft นำเสนอโซลูชันป้องกันไวรัสหลายระดับ ผ่านบริการ Defender และ Defender for Endpoint โดยครอบคลุมความต้องการของผู้ใช้รายบุคคล ครอบครัว และธุรกิจ เพื่อให้ทุกคนสามารถค้นหาแผนที่เหมาะสมได้ตามความต้องการ
การกำหนดราคาจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก:
- Microsoft 365 Personal และ Family Plans: เหมาะสำหรับผู้ใช้งานส่วนบุคคลและครอบครัวที่ต้องการความปลอดภัยของอุปกรณ์และเครื่องมือเสริมการทำงาน
- Defender for Endpoint Plans: ออกแบบมาสำหรับธุรกิจและองค์กรที่ต้องการระบบป้องกันภัยขั้นสูงและการจัดการอุปกรณ์
Microsoft 365 Personal และ Family: ความปลอดภัยที่คุ้มค่าสำหรับบุคคลและครอบครัว
Microsoft 365 เป็นแพ็คเกจที่ผสมผสานเครื่องมือการรักษาความปลอดภัยและแอปพลิเคชันเสริมการทำงาน เช่น Word, Excel และพื้นที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปกป้องข้อมูลในอุปกรณ์ของตัวเอง
Microsoft 365 Personal
- ราคา: ฿2,999/ปี
- เหมาะสำหรับ: ผู้ใช้งานรายบุคคล (สูงสุด 5 อุปกรณ์)
- คุณสมบัติหลัก:
- การป้องกันไวรัสและมัลแวร์แบบเรียลไทม์
- พื้นที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์ OneDrive ขนาด 1 TB
- การเข้าถึงแอปพลิเคชัน Microsoft Office เช่น Word, Excel, PowerPoint
- การอัปเดตอัตโนมัติและฟีเจอร์ควบคุมสำหรับผู้ปกครอง
Microsoft 365 Family
- ราคา: ฿3,699/ปี
- เหมาะสำหรับ: ครอบครัว (สูงสุด 6 คน)
- คุณสมบัติหลัก:
- รวมคุณสมบัติทั้งหมดจากแผน Personal
- พื้นที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์ 6 TB (1 TB ต่อคน)
- ฟีเจอร์การป้องกันสำหรับครอบครัว เช่น การติดตามตำแหน่งและการจัดการเวลาใช้งาน
Defender for Endpoint: ความปลอดภัยขั้นสูงสำหรับธุรกิจ
สำหรับองค์กรที่ต้องจัดการข้อมูลสำคัญและการปฏิบัติงานในระดับใหญ่ Microsoft นำเสนอ Defender for Endpoint ซึ่งให้การป้องกันและการตรวจจับภัยคุกคามที่เหนือกว่า
Defender for Endpoint P1
- ราคา: รวมอยู่ใน Microsoft 365 E3
- เหมาะสำหรับ: ธุรกิจขนาดเล็กและกลางที่ต้องการการป้องกันอุปกรณ์ขั้นพื้นฐาน
- คุณสมบัติหลัก:
- การจัดการภัยคุกคามและความเสี่ยง
- การควบคุมอุปกรณ์ เช่น USB และฮาร์ดแวร์
- การป้องกัน URL และเว็บไซต์ที่เป็นอันตราย
- การรายงานความปลอดภัยแบบเรียลไทม์
Defender for Endpoint P2
- ราคา: รวมอยู่ใน Microsoft 365 E5
- เหมาะสำหรับ: องค์กรขนาดใหญ่ที่ต้องการระบบป้องกันภัยขั้นสูง
- คุณสมบัติหลัก:
- รวมคุณสมบัติทั้งหมดของ P1
- การตรวจจับและตอบสนองภัยคุกคามแบบเรียลไทม์ (EDR)
- ระบบ AI ที่ช่วยวิเคราะห์และแก้ปัญหา
- Sandbox สำหรับทดสอบภัยคุกคาม
ความแตกต่างของ Microsoft Antivirus Pricing
คุณสมบัติ | Microsoft 365 Plans | Defender for Endpoint P1 | Defender for Endpoint P2 |
การป้องกันไวรัส & มัลแวร์ | ✓ | ✓ | ✓ |
พื้นที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์ | ✓ (1 TB/6 TB) | ✗ | ✗ |
การตรวจจับภัยคุกคามขั้นสูง | ✗ | ✗ | ✓ |
การตอบสนองอัตโนมัติ | ✗ | ✗ | ✓ |
การวิเคราะห์ภัยคุกคามด้วย AI | ✗ | ✗ | ✓ |
ควรเลือกแผนไหน?
สำหรับบุคคลหรือครอบครัว
เลือก Microsoft 365 Personal หรือ Family Plans หากคุณต้องการความคุ้มค่า และรวมฟีเจอร์เสริมการทำงานพร้อมความปลอดภัยขั้นพื้นฐาน
สำหรับธุรกิจขนาดเล็กและกลาง
Defender for Endpoint P1 เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการการป้องกันอุปกรณ์อย่างครอบคลุมในราคาประหยัด
สำหรับองค์กรขนาดใหญ่
Defender for Endpoint P2 เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด ด้วยฟีเจอร์การตอบสนองอัตโนมัติและการป้องกันภัยคุกคามที่ครอบคลุม
สรุป
ไมโครซอฟต์ Antivirus Pricing นำเสนอความยืดหยุ่นในการเลือกแผนที่เหมาะสมสำหรับผู้ใช้งานทุกประเภท ตั้งแต่บุคคลทั่วไปไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่ เลือกแผนที่ตรงกับความต้องการของคุณ และปกป้องอุปกรณ์และข้อมูลของคุณให้ปลอดภัย
ขอขอบคุณเว็บไซต์ Askme-m365 ที่แบ่งปันบทความบล็อกเกี่ยวกับการสอนที่ยอดเยี่ยม ต่อไปนี้คือคำแนะนำที่เป็นประโยชน์ และคุณสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ในเว็บไซต์ของพวกเขา
- How to Use Microsoft Defender to Secure Your Business Data
- How to Enable Microsoft Edge Security Features
- Microsoft Intune
ส่งข้อความถึงเราเพื่อรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโซลูชัน Microsoft
สำรวจเครื่องมือดิจิทัลของเรา
หากคุณสนใจในการนำระบบจัดการความรู้มาใช้ในองค์กรของคุณ ติดต่อ SeedKM เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบจัดการความรู้ภายในองค์กร หรือสำรวจผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น Jarviz สำหรับการบันทึกเวลาทำงานออนไลน์, OPTIMISTIC สำหรับการจัดการบุคลากร HRM-Payroll, Veracity สำหรับการเซ็นเอกสารดิจิทัล, และ CloudAccount สำหรับการบัญชีออนไลน์
อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบจัดการความรู้และเครื่องมือการจัดการอื่นๆ ได้ที่ Fusionsol Blog, IP Phone Blog, Chat Framework Blog, และ OpenAI Blog.