Microsoft’s 10x Faster TypeScript Compiler: Biggest Performance Upgrade

Microsoft กำลังก้าวไปอีกขั้นในโลกของ TypeScript ด้วยการเปิดตัว Faster TypeScript Compiler ที่ให้ความเร็วในการคอมไพล์สูงขึ้นถึง 10 เท่า และเพิ่มประสิทธิภาพของ การตอบสนองในตัวแก้ไขโค้ด (IDE) อย่างมาก การพัฒนา TypeScript Compiler เวอร์ชันใหม่ นี้เป็นการตอบสนองต่อปัญหาหลักที่นักพัฒนาพบเจอมาอย่างยาวนาน เช่น ความล่าช้าในการคอมไพล์, การใช้หน่วยความจำสูง, และ บริการภาษาที่ทำงานช้า
เนื่องจาก TypeScript ถูกใช้กันอย่างแพร่หลายในทั้ง การพัฒนาเว็บฝั่งหน้า (Frontend) และ ฝั่งหลัง (Backend) การที่คอมไพล์เลอร์ทำงานได้เร็วขึ้นจะช่วยให้ นักพัฒนาทำงานได้มีประสิทธิภาพขึ้น ลดเวลาในการดีบัก และเพิ่มความลื่นไหลของการเขียนโค้ด บทความนี้จะกล่าวถึง การปรับปรุงหลักของ New Microsoft’s Compiler, สถาปัตยกรรมเบื้องหลัง, และ ผลกระทบที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อการพัฒนา
เหตุผลที่ Microsoft พัฒนา Faster TypeScript Compiler
แม้ว่า TypeScript จะกลายเป็น มาตรฐานหลักของเว็บแอปพลิเคชันยุคใหม่ แต่ปัญหาด้านประสิทธิภาพยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญ โดยเฉพาะในโปรเจ็กต์ขนาดใหญ่ ปัญหาหลักที่นักพัฒนาพบเจอ ได้แก่
- ความล่าช้าในการคอมไพล์ – การคอมไพล์โปรเจ็กต์ TypeScript อาจใช้เวลาหลายนาที โดยเฉพาะใน monorepo ที่มีไฟล์จำนวนมาก
- การใช้หน่วยความจำสูง – คอมไพล์เลอร์ของ TypeScript ที่ใช้ JavaScript บน Node.js ต้องใช้ RAM จำนวนมาก ส่งผลให้ประสิทธิภาพลดลงในอุปกรณ์ที่มีทรัพยากรจำกัด
- ปัญหาความล่าช้าใน IDE – ตัวแก้ไขโค้ด เช่น VS Code มักมีปัญหา ตอบสนองช้า เนื่องจากการตรวจสอบประเภทข้อมูลแบบเรียลไทม์
เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ Microsoft กำลัง เขียนโค้ดคอมไพล์เลอร์ใหม่ โดยใช้ สถาปัตยกรรมที่ปรับแต่งให้ทำงานเร็วขึ้น ทำให้มันเบาขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การปรับปรุงหลัก
Microsoft’s Compiler จะมาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงทางสถาปัตยกรรมที่สำคัญ ซึ่งช่วยให้สามารถ ทำงานได้เร็วขึ้นถึง 10 เท่า ได้แก่
1. ใช้การคอมไพล์แบบเนทีฟ แทนการรันผ่าน JavaScript Runtime
คอมไพล์เลอร์ TypeScript ปัจจุบัน (tsc) ถูกเขียนขึ้นด้วย JavaScript และทำงานผ่าน Node.js ซึ่งแม้ว่าจะยืดหยุ่นแต่ก็สร้างภาระด้านประสิทธิภาพ
- ลดเวลาในการประมวลผล โดยตัดโค้ดที่ต้องใช้ JavaScript ออก
- ปรับปรุงการใช้หน่วยความจำ ให้ TypeScript ทำงานได้ดีขึ้นในอุปกรณ์ที่มีทรัพยากรจำกัด
- รองรับซีพียูยุคใหม่ ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น
2. ใช้การประมวลผลแบบขนานเพื่อเร่งความเร็วการคอมไพล์
ในปัจจุบัน TypeScript ประมวลผลไฟล์แบบลำดับ (sequential processing) ทำให้เกิดความล่าช้า โดยเฉพาะกับโค้ดขนาดใหญ่ คอมไพล์เลอร์เวอร์ชันใหม่จะใช้การประมวลผลแบบหลายเธรด (multithreading) เพื่อเพิ่มความเร็ว
- สามารถคอมไพล์หลายไฟล์พร้อมกัน ลดเวลารวมของการคอมไพล์
- ลดเวลาการคอมไพล์แบบเพิ่มขึ้น (incremental build) เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงโค้ด
- เร่งความเร็วของ CI/CD pipeline ทำให้การพัฒนาและปล่อยซอฟต์แวร์เร็วขึ้น
3. ระบบแคชอัจฉริยะเพื่อการคอมไพล์ที่มีประสิทธิภาพขึ้น
หนึ่งในปัญหาหลักของ TypeScript คือ ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงโค้ดแม้เพียงเล็กน้อย คอมไพล์เลอร์จะคอมไพล์โค้ดใหม่ทั้งหมด คอมไพล์เลอร์ใหม่จะแก้ปัญหานี้โดยใช้
- ระบบแคชไฟล์ที่เคยคอมไพล์แล้ว ลดการประมวลผลที่ซ้ำซ้อน
- ติดตามความสัมพันธ์ของโค้ด เพื่อคอมไพล์เฉพาะส่วนที่ได้รับผลกระทบ
- ลดเวลาคอมไพล์ลงอย่างมาก โดยเฉพาะในโปรเจ็กต์ขนาดใหญ่
4. ปรับปรุงบริการภาษาให้ทำงานได้เร็วขึ้นใน IDE
ปัญหาหลักของนักพัฒนาคือ VS Code และ IDE อื่นๆ ตอบสนองช้าเมื่อใช้ TypeScript Microsoft’s New Compiler จะช่วยปรับปรุงสิ่งนี้
- เพิ่มความเร็วของ IntelliSense ให้แสดงผลได้รวดเร็วขึ้น
- ปรับปรุงการตรวจสอบประเภท (type checking) ลดเวลารอสำหรับการเติมคำอัตโนมัติ (autocomplete) และการรีแฟกเตอร์โค้ด
- ให้ผลตอบกลับแบบเรียลไทม์ เมื่อมีการแก้ไขโค้ด
การเปรียบเทียบประสิทธิภาพ: คอมไพล์เลอร์ TypeScript ปัจจุบัน vs. Microsoft TypeScript Compiler
คุณสมบัติ | TypeScript Compiler ปัจจุบัน | Microsoft TypeScript Compiler |
ความเร็วในการคอมไพล์ | ช้าในโปรเจ็กต์ขนาดใหญ่ | เร็วขึ้นถึง 10 เท่า |
การตอบสนองของตัวแก้ไขโค้ด | IntelliSense และ autocomplete ล่าช้า | ข้อเสนอแนะแบบเรียลไทม์ & การพิมพ์ที่รวดเร็วขึ้น |
การใช้หน่วยความจำ | ใช้ RAM สูง | ใช้หน่วยความจำได้มีประสิทธิภาพขึ้น |
การประมวลผลแบบขนาน | คอมไพล์ไฟล์ตามลำดับ (Sequential) | ใช้ Multithreading เพื่อเพิ่มความเร็ว |
การคอมไพล์แบบเพิ่มขึ้น (Incremental Builds) | คอมไพล์ใหม่มากกว่าที่จำเป็น | แคชชิ่งที่ปรับปรุงใหม่ & คอมไพล์เฉพาะส่วนที่เปลี่ยนแปลง |
การปรับปรุงเหล่านี้ช่วยให้กระบวนการพัฒนาเร็วขึ้น นักพัฒนาสามารถแก้ไขโค้ดและคอมไพล์ได้อย่างรวดเร็ว ลดความล่าช้าในการทำงาน
เร็วขึ้นแค่ไหน?
คอมไพล์เลอร์เวอร์ชันใหม่สามารถโหลดและคอมไพล์โปรเจ็กต์ TypeScript ขนาดใหญ่ได้อย่างรวดเร็วขึ้น นี่คือตัวอย่างเวลาในการรัน tsc บนโค้ดเบสยอดนิยมจาก GitHub
โปรเจ็กต์ | จำนวนบรรทัดโค้ด (LOC) | TypeScript Compiler ปัจจุบัน | Microsoft TypeScript Compiler | ความเร็วเพิ่มขึ้น |
VS Code | 1,505,000 | 77.8 วินาที | 7.5 วินาที | 10.4x |
Playwright | 356,000 | 11.1 วินาที | 1.1 วินาที | 10.1x |
TypeORM | 270,000 | 17.5 วินาที | 1.3 วินาที | 13.5x |
date-fns | 104,000 | 6.5 วินาที | 0.7 วินาที | 9.5x |
tRPC (server + client) | 18,000 | 5.5 วินาที | 0.6 วินาที | 9.1x |
rxjs (observable) | 2,100 | 1.1 วินาที | 0.1 วินาที | 11.0x |
แม้ว่าฟีเจอร์บางส่วนยังไม่สมบูรณ์ แต่ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนถึง การปรับปรุงประสิทธิภาพที่มีนัยสำคัญ ซึ่งจะเห็นได้ในโปรเจ็กต์ส่วนใหญ่
สิ่งที่เป็นไปได้ในอนาคต
การเพิ่มความเร็วในระดับนี้จะช่วยให้สามารถเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ๆ ได้ เช่น การแสดงรายการข้อผิดพลาดแบบเรียลไทม์, การรีแฟกเตอร์ขั้นสูง, และ การผสานรวม AI เพื่อช่วยปรับปรุงโค้ด ซึ่งเป็นไปไม่ได้กับคอมไพล์เลอร์ปัจจุบัน
ผลกระทบต่อโลกจริง: Faster TypeScript Compiler จะช่วยนักพัฒนาอย่างไร?
คอมไพล์เลอร์ใหม่นี้จะช่วยนักพัฒนาในทุกระดับ ตั้งแต่ทีมนักพัฒนาเว็บขนาดเล็ก ไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่ที่จัดการ monorepos ที่ซับซ้อน
1. นักพัฒนา Frontend – พัฒนา UI ได้เร็วขึ้น
โปรเจ็กต์ React, Angular และ Vue จะคอมไพล์เร็วขึ้นอย่างมาก
อัปเดต UI แล้วเห็นผลทันที ลดเวลารอระหว่างการแก้ไขโค้ด
IntelliSense ใน VS Code จะตอบสนองเร็วขึ้น ลดความหงุดหงิดขณะเขียนโค้ด
2. นักพัฒนา Backend & Full-Stack – พัฒนา API ได้เร็วขึ้น
โปรเจ็กต์ Node.js ที่ใช้ TypeScript จะโหลดเร็วขึ้น
การตรวจสอบประเภทในไมโครเซอร์วิสและฟังก์ชัน serverless จะมีประสิทธิภาพขึ้น
CI/CD pipelines เร็วขึ้น ทำให้การดีพลอยซอฟต์แวร์ใช้เวลาน้อยลง
3. ทีมองค์กร – ปรับปรุงประสิทธิภาพของ Monorepo
- โปรเจ็กต์ขนาดใหญ่ที่มีไฟล์ TypeScript หลายพันไฟล์จะคอมไพล์เร็วขึ้นอย่างมาก
- ลดเวลารอคอมไพล์ เพิ่มประสิทธิภาพของทีมนักพัฒนา
- โค้ดรีวิวเร็วขึ้น เพราะกระบวนการตรวจสอบและคอมไพล์โค้ดทำได้รวดเร็วกว่าเดิม
กำหนดการเปิดตัว: นักพัฒนาจะได้ใช้เมื่อไหร่?
Microsoft วางแผนเปิดตัว New Compiler ตามลำดับขั้น
- กลางปี 2025 – เปิดตัวพรีวิวแรก เน้นที่การตรวจสอบประเภทผ่าน CLI (tsc)
- ปลายปี 2025 – คอมไพล์เลอร์เวอร์ชันเต็ม รองรับการคอมไพล์โปรเจ็กต์แบบเต็มรูปแบบ, การคอมไพล์แบบเพิ่มขึ้น และการใช้งานร่วมกับ IDE
- หลังปี 2025 – อัปเดตและปรับปรุงต่อเนื่องตามความคิดเห็นของนักพัฒนา
กระบวนการเปิดตัวแบบค่อยเป็นค่อยไปนี้ช่วยให้สามารถ รักษาเสถียรภาพ ในขณะที่ให้นักพัฒนาได้ ทดลองใช้งานล่วงหน้า
เตรียมตัวอย่างไรสำหรับ Faster TypeScript Compiler?
แม้ว่าคอมไพล์เลอร์ใหม่ยังอยู่ในระหว่างการพัฒนา นักพัฒนาสามารถเตรียมตัวล่วงหน้าเพื่อให้พร้อมใช้งานทันทีที่เปิดตัว
- ติดตามข่าวสาร ผ่านบล็อกของ Microsoft และ TypeScript
- ปรับปรุงโค้ด TypeScript เก่า ให้เป็นไปตามแนวปฏิบัติที่ดีที่สุด
- ทดสอบการคอมไพล์ TypeScript กับโค้ดขนาดใหญ่เพื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพเมื่อเวอร์ชันพรีวิวเปิดตัว
- ทดลองใช้ทรานสไพเลอร์อื่น ๆ เช่น SWC และ esbuild ซึ่งมีแนวทางที่คล้ายกัน
สรุป
Microsoft’s New Compiler กำลังจะเปลี่ยนแปลงการพัฒนา TypeScript ไปอย่างสิ้นเชิง ด้วย ความเร็วที่เพิ่มขึ้นถึง 10 เท่า, การใช้หน่วยความจำที่ลดลง, และการผสานรวมกับ IDE ที่ดีขึ้น
- ลดเวลาคอมไพล์ ช่วยให้นักพัฒนาแก้ไขและทดสอบโค้ดได้เร็วขึ้น
- ปรับปรุงประสิทธิภาพของเครื่องมือพัฒนา ให้การทำงานใน VS Code และ IDE อื่น ๆ ราบรื่นขึ้น
- ลดภาระการใช้หน่วยความจำ ทำให้ TypeScript ทำงานได้ดีขึ้นบนทุกแพลตฟอร์ม
- ปูทางสู่ฟีเจอร์ใหม่ เช่น การรีแฟกเตอร์ที่แม่นยำขึ้น และการผสานรวม AI
Microsoft เตรียมเปิดตัวเวอร์ชันพรีวิวกลางปี 2025 การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้จะช่วยให้นักพัฒนาทำงานได้เร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิม
คุณสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการพัฒนาคอมไพล์เลอร์ TypeScript รุ่นใหม่ได้ที่ บล็อกทางการของ Microsoft
สนใจผลิตภัณฑ์และบริการของ Microsoft หรือไม่ ส่งข้อความถึงเราที่นี่
สำรวจเครื่องมือดิจิทัลของเรา
หากคุณสนใจในการนำระบบจัดการความรู้มาใช้ในองค์กรของคุณ ติดต่อ SeedKM เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบจัดการความรู้ภายในองค์กร หรือสำรวจผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น Jarviz สำหรับการบันทึกเวลาทำงานออนไลน์, OPTIMISTIC สำหรับการจัดการบุคลากร HRM-Payroll, Veracity สำหรับการเซ็นเอกสารดิจิทัล, และ CloudAccount สำหรับการบัญชีออนไลน์
อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบจัดการความรู้และเครื่องมือการจัดการอื่นๆ ได้ที่ Fusionsol Blog, IP Phone Blog, Chat Framework Blog, และ OpenAI Blog.