เหตุใดบริษัท Fortune 500 เกือบ 70% จึงใช้ Microsoft Copilot
ที่งาน Microsoft Ignite 2024 ความสนใจมุ่งไปที่วิธีที่ Microsoft Copilot กำลังเปลี่ยนแปลงธุรกิจและขับเคลื่อนนวัตกรรมในอุตสาหกรรมต่างๆ ขณะนี้เกือบ 70% ของบริษัทในกลุ่ม Fortune 500 ได้ใช้ Microsoft 365 Copilot ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงความสำคัญที่เพิ่มขึ้นของเทคโนโลยีในโลก AI ที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีนี้ช่วยให้องค์กรสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ปรับปรุงกระบวนการทำงาน และรักษาความเป็นผู้นำในตลาด.
การปรับเปลี่ยนสถานที่ทำงานด้วย Microsoft 365 AI assistant
AI ไม่ใช่ความฝันที่อยู่ไกลตัวอีกต่อไป ในปัจจุบัน 75% ขององค์กรได้นำเทคโนโลยี AI เชิงสร้างสรรค์มาใช้ และหลายแห่งเริ่มเห็นผลตอบแทนที่โดดเด่นจากการลงทุน ข้อมูลในอุตสาหกรรมแสดงให้เห็นว่า ทุก ๆ 1 ดอลลาร์ที่ลงทุนใน AI องค์กรสามารถได้รับผลตอบแทนเฉลี่ย $3.70 และบางแห่งสามารถเพิ่มมูลค่าได้ถึง $10
Microsoft 365 AI Assistant อยู่ในหัวใจของการปฏิวัตินี้ ด้วยการผสานรวมเข้ากับเครื่องมือที่พนักงานใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น Microsoft Teams, Outlook และ SharePoint ทำให้องค์กรสามารถปรับปรุงการทำงานและบรรลุผลสำเร็จได้มากขึ้นโดยใช้ความพยายามที่น้อยลง
ผลลัพธ์ในโลกแห่งความจริง: เรื่องราวความสำเร็จที่เปลี่ยนแปลงองค์กร
องค์กรในหลากหลายอุตสาหกรรมกำลังใช้พลังของ AI Assistant เพื่อบรรลุผลลัพธ์ที่วัดผลได้ นี่คือตัวอย่างบางส่วนที่ช่วยให้องค์กรขับเคลื่อนนวัตกรรมและเพิ่มประสิทธิภาพ:
- Eaton: บริษัทจัดการพลังงานระดับโลกแห่งนี้เผชิญกับความท้าทายในการจัดการเอกสารวิธีการปฏิบัติงานมาตรฐาน (SOPs) จำนวนหลายพันรายการ ด้วยการใช้ AI Assistant Eaton สามารถทำงานเอกสารกว่า 9,000 รายการโดยอัตโนมัติ และประหยัดเวลาได้ถึง 83% ช่วยให้พนักงานมุ่งเน้นไปที่งานที่มีคุณค่าและสร้างสรรค์นวัตกรรมได้
- McKinsey & Company: บริษัท McKinsey ได้พัฒนาเอเจนต์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อช่วยลดความซับซ้อนของกระบวนการเริ่มต้นทำงานกับลูกค้า ด้วยการทำงานอัตโนมัติเช่น การจับคู่ความต้องการของลูกค้ากับทีมผู้เชี่ยวชาญ เอเจนต์สามารถลดระยะเวลานำได้ถึง 90% และลดงานด้านเอกสารได้ 30% ทำให้ที่ปรึกษาสามารถทุ่มเทไปกับการมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้ลูกค้า
- BlackRock: บริษัทจัดการสินทรัพย์ชั้นนำของโลก ได้นำ AI Assistant มาผสานเข้ากับแพลตฟอร์ม Aladdin การเคลื่อนไหวนี้ช่วยให้พนักงานเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกได้ทันทีและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ทำให้การตัดสินใจที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลเกิดขึ้นได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
เรื่องราวเหล่านี้ยืนยันว่า Microsoft AI Assistant กำลังส่งมอบผลลัพธ์ในโลกแห่งความจริง ตั้งแต่การประหยัดเวลาไปจนถึงการเพิ่มผลผลิต
การปลดล็อกประสิทธิภาพใหม่: ฟีเจอร์เปลี่ยนเกม
Microsoft ยังคงพัฒนา Microsoft AI Assistant อย่างต่อเนื่อง เพื่อมอบฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้ธุรกิจลดความซับซ้อนของงาน ปรับปรุงการทำงานร่วมกัน และสร้างผลกระทบ
ฟีเจอร์เด่น
- Copilot Actions: ด้วยคำสั่งเติมคำ ผู้ใช้สามารถทำงานประจำ เช่น สรุปการประชุม สร้างรายงาน และติดตามอีเมลโดยอัตโนมัติ ฟีเจอร์นี้ช่วยให้พนักงานสามารถมุ่งเน้นไปที่ลำดับความสำคัญเชิงกลยุทธ์
- SharePoint AI Agents: เอเจนต์เหล่านี้ใช้การประมวลผลภาษาธรรมชาติเพื่อให้เข้าถึงไฟล์ โฟลเดอร์ และคำตอบที่เกี่ยวข้องได้อย่างรวดเร็วในไซต์ SharePoint ที่มีอยู่ ขณะนี้พร้อมใช้งานสำหรับผู้ใช้ SharePoint ทุกคน เอเจนต์เหล่านี้สามารถปรับแต่งและใช้งานได้ง่าย
- Teams Interpreter: ทำลายอุปสรรคด้านภาษา ฟีเจอร์นี้ให้การแปลเสียงแบบเรียลไทม์ระหว่างการประชุม เปิดตัวในเวอร์ชันทดลองสาธารณะในต้นปี 2025 พร้อมเสนอการจำลองเสียงส่วนบุคคลเพื่อการสื่อสารที่ดีขึ้น
- Employee Self-Service Agent: ช่วยให้กระบวนการ HR และ IT เป็นเรื่องง่าย ด้วยเอเจนต์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งตอบคำถามนโยบายทั่วไปและจัดการงาน เช่น การสอบถามเรื่องสวัสดิการหรือการขออุปกรณ์
ความสามารถเหล่านี้ไม่เพียงช่วยประหยัดเวลา แต่ยังช่วยให้พนักงานทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ สร้างสรรค์ และร่วมมือกันได้มากขึ้น
สร้างรากฐาน: Copilot + AI Stack
เบื้องหลังโซลูชัน AI ที่ยอดเยี่ยมทุกตัวคือโครงสร้างทางเทคโนโลยีที่แข็งแกร่ง และ Microsoft AI Assistant ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น Copilot + AI Stack ของ Microsoft ช่วยให้องค์กรมีเครื่องมือและโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นในการพัฒนาและปรับขนาดแอปพลิเคชัน AI อย่างมีประสิทธิภาพ
- Azure AI Foundry SDK: ชุดเครื่องมือที่ครอบคลุมนี้ช่วยให้การออกแบบและปรับแต่งแอปพลิเคชัน AI เป็นเรื่องง่าย
- Azure AI Foundry Portal: อินเทอร์เฟซภาพนี้ช่วยให้นักพัฒนาค้นพบ จัดการ และปรับใช้บริการ AI ได้อย่างง่ายดาย
- Azure AI Agent Service: ที่จะเปิดตัวเร็ว ๆ นี้ บริการนี้ช่วยให้นักพัฒนาสามารถจัดการและปรับขนาดเอเจนต์ AI สำหรับองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ด้วยเครื่องมือล้ำสมัยเหล่านี้ Microsoft ช่วยให้องค์กรสามารถใช้ AI ได้อย่างรับผิดชอบและมีประสิทธิภาพ ปลดล็อกโอกาสใหม่ ๆ ในการเติบโตและนวัตกรรม
ความปลอดภัยเป็นหัวใจหลัก: ปกป้องอนาคตของ AI
เมื่อธุรกิจยอมรับ AI ความปลอดภัยยังคงเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้น Microsoft ได้ผสานมาตรการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงไว้ในเครื่องมือ AI เพื่อป้องกันภัยคุกคามที่พัฒนาต่อเนื่อง
ที่การประชุม Ignite Microsoft ได้ประกาศ Zero Day Quest ซึ่งเป็นงานวิจัยด้านความปลอดภัยสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ด้วยเงินรางวัลรวม $4 ล้าน ความคิดริเริ่มนี้สนับสนุนผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทั่วโลกในการจัดการช่องโหว่ที่เกี่ยวข้องกับ AI และคลาวด์
นอกจากนี้ เครื่องมือ Microsoft Security Exposure Management ใหม่ยังให้การมองเห็นช่องโหว่ที่อาจเกิดขึ้นแบบเรียลไทม์ โดยการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างอุปกรณ์ ไฟล์ และข้อมูลระบุตัวตน เครื่องมือนี้ช่วยให้องค์กรสามารถระบุและลดความเสี่ยงได้ก่อนที่จะถูกใช้เป็นช่องโหว่
นวัตกรรมฮาร์ดแวร์: อุปกรณ์ Copilot+ สำหรับสถานที่ทำงานสมัยใหม่
Microsoft ยังปฏิวัติฮาร์ดแวร์ด้วย Windows 365 Link อุปกรณ์ที่สร้างขึ้นเพื่อการทำงานแบบคลาวด์โดยเฉพาะ เปิดตัวในเดือนเมษายน 2025 อุปกรณ์ที่ปลอดภัยนี้ไม่มีข้อมูลหรือแอปพลิเคชันในเครื่อง ช่วยให้ข้อมูลองค์กรที่ละเอียดอ่อนปลอดภัยใน Microsoft Cloud
นวัตกรรมอื่น ๆ ได้แก่ การแนะนำหน่วยประมวลผลเนทีฟ (NPUs) ใน PC รุ่น Copilot+ เพื่อการประมวลผล AI ที่รวดเร็วขึ้นโดยตรงบนอุปกรณ์ ฟีเจอร์อย่าง Windows Search ที่ปรับปรุงใหม่และประสบการณ์ Recall ช่วยให้การเข้าถึงข้อมูลเป็นเรื่องง่ายกว่าที่เคย
Microsoft 365 ai assistant มองไปสู่อนาคต
การประชุม Ignite แสดงให้เห็นวิสัยทัศน์ของ Microsoft สำหรับอนาคตของการทำงาน โดยมี Microsoft AI Assistant เป็นหัวใจสำคัญ ด้วยการทำงานอัตโนมัติที่ลดงานซ้ำซาก ปรับปรุงการทำงานร่วมกัน และส่งมอบข้อมูลเชิงลึกที่นำไปปฏิบัติได้ ผู้ช่วยที่ขับเคลื่อนด้วย AI นี้ช่วยให้องค์กรสร้างสรรค์และเติบโตในภูมิทัศน์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
สำหรับองค์กรที่ต้องการล้ำหน้าท่ามกลางยุค AI Microsoft AI Assistant ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือ แต่เป็นข้อได้เปรียบเชิงแข่งขัน เริ่มต้นสู่อนาคตของการทำงานวันนี้และสัมผัสวิธีที่เทคโนโลยีล้ำหน้าของ Microsoft สามารถเปลี่ยนแปลงธุรกิจของคุณได้
อ่านบทความเพิ่มเติมจาก Microsoft Ignite