วิเคราะห์แนวโน้มของตลาด
การ วิเคราะห์แนวโน้มของตลาด เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งเพราะจะเป็นตัวกำหนด ทิศทางการทำงานทั้งหมดขององค์กร ถือว่าเป็นแผนที่ในการทำงานของแต่ละแผนก
ซึ่งจากแผนงานที่วิเคราะห์มาแล้ว เราต้องมาทำการ Map กับสินค้าของบริษัท หรือการหาสินค้าใหม่มาเสริม แต่จากประสบการณ์ของผมที่เป็นผู้วิเคราะห์และต้องปฏิบัติด้วย พบว่าไม่ง่ายเนื่องจากทุกคนในบริษัทมีงานที่ต้องทำอยู่แล้ว ซึ่งเป็นรายได้ที่จำเป็นต่อบริษัทในทุกวันการจะย้ายคนถือเป็นเรื่องยากมาก ที่จะเปลี่ยนแบบทันทีทันใด
แนวโน้มตลาดในปี 2020-2022
Fintech นวัตกรรมด้านการเงิน
นวัตกรรมทางการเงินและแพลตฟอร์มใหม่ๆช่วยให้เราก้าวสู่สังคมไร้เงินสดอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งการชำระเงินผ่านบัญชีที่เชื่อมต่อกับ mobile banking, การชำระผ่านบัตร, หรือการชำระผ่าน e-wallets ซึ่งเป็นอีกทางเลือกที่คล่องตัวและได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก
OMNI Channel
การเชื่อมต่อทุกช่องทางคืออนาคตของโลกค้าปลีก ผู้ค้าปลีกแบบดั้งเดิมจำนวนมาก ก็เริ่มที่จะพัฒนากลยุทธ์ใหม่ ที่รวมทุกช่องทางการขายเป็นการเดินทางหนึ่งเดียว เพื่อให้ลูกค้าได้เพลิดเพลินกับประสบการณ์การช็อปปิ้งที่ลื่นไหลและเชื่อมต่อประสบการณ์ทุกช่องทางได้อย่างสะดวกสบาย ตั้งแต่การไปเลือกซื้อที่ร้านค้า ได้เห็น ได้ลองเลือก สัมผัสสินค้าจริง และหากสนใจซื้อ ลูกค้าก็สามารถเช็คเกี่ยวกับสี / ขนาด / สต็อคที่มีให้เลือกจนถึงการกดสั่งซื้อและระบุการจัดส่งผ่านช่องทางออนไลน์ขณะที่ยังอยู่ที่ร้านได้ทันที
ธุรกิจการชำระเงินบนเครือข่ายดิจิตอล
การเติบโตของโลกการเงินดิจิตอลในชีวิตประจำวันของผู้บริโภคส่งผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในธุรกิจแบบเดิมๆ อาทิ ธุรกิจรับแลกเปลี่ยนเงินตรา และ ร้านค้าปลีกรายย่อยที่รับเฉพาะเงินสด ในโลกยุคดิจิตอล เราจะเริ่มเห็นการเกิดขึ้นของธุรกิจแลกเปลี่ยนสกุลเงินข้ามภูมิภาคแบบดิจิตอล ที่ใช้อัตราแลกเปลี่ยนจากกลไกตลาด ซึ่งมีอัตราผันผวนแบบ real time แทนอัตราแลกเปลี่ยนจากหน่วยงานการเงินระดับภูมิภาคแบบเดิมๆ
การนำแนวโน้มมาวิเคราะห์การตลาด
จากตัวอย่างแนวโน้มที่ยกมา ต้องนำมาวิเคราะห์ผลกระทบกับบริษัทด้วย เช่น ช่องทางการจำหน่าย ในอดีตการชำระเงินคือการใช้เงินสด หรือ บัตร Credit และด้วยข้อจำกัดนี้หน้าร้านจึงจำเป็นอย่างมากในการทำการค้า แต่ด้วยการชำระเงินในช่องทาง Online ทำให้ข้อจำกัดนี้หมดไป
การทำหน้าร้านผ่าน Internet ถือว่าเป็นช่องทางสำคัญในการสร้างรายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ และในหลายธุรกิจที่เริ่มแบบไม่มีหน้าร้านด้วยซ้ำ
การจัดเตรียมพื้นฐานของบริษัทที่ต้องเปลี่ยนไป เป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง การปรับปรุงวิธีการทำงาน และอีกหลายอย่าง เช่น
- การชำระเงินในช่องทาง Online
- การเชื่อมต่อข้อมูลระหว่าง บริษัท ธนาคาร ขนส่ง และ ผู้ซื้อสินค้า
- การยกเลิกกระดาษในการทำงาน ให้เป็นการ Approve การทำงานผ่าน Digital
- การทำการตลาด Digital เพื่อให้ลูกค้ารู้จักเรา
POWER BI คือ
- โปรแกรม สำหรับวิเคราะห์ข้อมูลเป็น Service ตัวหนึ่งของ Microsoft ซึ่งเป็นแบบเช่าใช้รายปี โดยหลังจากเช่าเรียบร้อยเราจะได้โปรแกรมมา 2 ชุด คือ Desk Top และ Pro
- การใช้งานเราสามารถสร้าง report ได้ทั้ง desk top และ on cloud แต่ปัจจุบัน ตัวที่เป็น desk top จะมีความสามารถในการทำ report มากกว่า on cloud ซึ่งก็ไม่แน่ว่าต่อไป ตัว on cloud จะเก่งกว่า
- ถ้าเราคุ้นเคยกับ Excel Pivot Table การใช้งานจะใกล้เคียงกันและ มีเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพกว่า เช่น การรองรับขนาดข้อมูล จะรองรับได้ดีกว่า ( Excel จะสามารถรับข้อมูลได้ประมาณ 100 MB แต่ BI สามารถรองรับได้มากถึง 300 MB ต่อ File )
- มี Cluster Model สำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลซึ่งตัว Excel Pivot Table ไม่มี
ข้อควรระวังในการ IMPLEMENT SOLUTION
- ศึกษาเรื่องขนาดข้อมูลที่ต้องการใช้งาน เพราะการใช้ License Pro เพียว ๆ จะมีประเด็นเรื่องขนาดข้อมูลหลังจากใช้ไปซักระยะ ซึ่ง Microsoft Design มาให้สามารถรองรับได้ขนาดหนึ่ง แต่ถ้าข้อมูลแยะเกินไป ก็ต้องมี Solution อื่น ๆ มาประกอบด้วยจึงจะสามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ
- ปัญหาเรื่องความถูกต้องของข้อมูล มีความเป็นไปได้สูงว่า ข้อมูลที่เราได้จะไม่ตรงกับ Report ที่ทำก่อนหน้านี้ เนื่องจาก เงื่อนไข ในการคำนวณบางอย่างที่ User อาจจะไม่รู้ ทำให้ไม่สามารถทำตัวเลขให้ตรงกันได้
- การตั้งเวลาในการ update data ขึ้น Portal จะทำได้วันละไม่เกิน 8 ครั้ง ดังนั้น ถ้าเราต้องการข้อมูลที่เป็น Real time จะไม่สามารถทำได้
- ความถูกต้องของข้อมูล เป็นความยากของโครงการอีกแบบหนึ่ง
- การจะใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพต่อเมื่อใช้งานร่วมกับ SQL Data warehouse