ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยใน DLP และวิธีหลีกเลี่ยง

การป้องกันการสูญหายของข้อมูล (Data Loss Prevention – DLP) ถือเป็นรากฐานสำคัญของกลยุทธ์ความปลอดภัยไซเบอร์ยุคใหม่ โดยช่วยให้องค์กรปกป้องข้อมูลสำคัญจากการรั่วไหล การละเมิด และการเปิดเผยโดยไม่ตั้งใจ อย่างไรก็ตาม หากไม่มีการวางแผนและดำเนินการอย่างเหมาะสม องค์กรมักตกอยู่ในกับดักของ Common DLP mistakes ซึ่งทำให้ข้อมูลตกอยู่ในความเสี่ยง การเข้าใจข้อผิดพลาดเหล่านี้และแนวทางแก้ไขจะช่วยยกระดับโปรแกรมปกป้องข้อมูลของคุณได้อย่างมาก
ละเลยบริบทของข้อมูล – หนึ่งใน Common DLP mistakes ที่พบบ่อย
ข้อผิดพลาดสำคัญประการหนึ่งคือการตั้งกฎ DLP ที่เคร่งครัดโดยไม่คำนึงถึงบริบทของข้อมูล เช่น การบล็อกอีเมลที่มีคำสำคัญอัตโนมัติ อาจขัดขวางการสื่อสารทางธุรกิจที่ถูกต้อง ส่งผลให้พนักงานหงุดหงิด หาทางหลีกเลี่ยงนโยบาย และเกิดความเหนื่อยล้าจากการปฏิบัติตาม
🔍 วิธีหลีกเลี่ยง:
- เลือกใช้โซลูชัน DLP ที่มีการวิเคราะห์บริบทด้วย Machine Learning
- ปรับแต่นโยบายให้เหมาะกับแต่ละแผนกหรือบทบาท (เช่น การเงิน vs การตลาด)
- ใช้การแจ้งเตือนแบบ Just-in-time แทนการบล็อกแบบเต็มรูปแบบในกรณีเสี่ยงต่ำ
ละเลยการฝึกอบรมและการมีส่วนร่วมของพนักงาน
อีกหนึ่ง Common DLP mistakes คือการมองว่า DLP เป็นเพียงเครื่องมือด้านเทคนิค โดยมองข้ามปัจจัยด้านมนุษย์ พนักงานจำนวนมากไม่รู้ว่าข้อมูลใดถือว่า “ข้อมูลสำคัญ” หรือพฤติกรรมใดที่อาจก่อให้เกิดความเสี่ยง
🧠 วิธีหลีกเลี่ยง:
- จัดแคมเปญสร้างความตระหนักรู้เรื่องความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง
- รวมหัวข้อ DLP ไว้ในกระบวนการอบรมพนักงานใหม่
- ใช้ระบบแจ้งเตือนแบบ In-product เพื่อให้คำแนะนำขณะผู้ใช้งานกำลังดำเนินการ
ใช้แต่เทมเพลตสำเร็จรูปโดยไม่ปรับแต่งให้เหมาะกับองค์กร
หลายองค์กรติดตั้ง DLP โดยใช้เทมเพลตที่มีมาให้ แต่ไม่ได้ปรับตามข้อกำหนดขององค์กร ภูมิภาค หรือกฎระเบียบเฉพาะ ส่งผลให้เกิดช่องโหว่หรือการบังคับใช้นโยบายที่ไม่ตรงจุด
🔧 วิธีหลีกเลี่ยง:
- ตรวจสอบนโยบาย DLP เป็นประจำให้สอดคล้องกับข้อกำหนดใหม่ เช่น GDPR, HIPAA
- ใช้ฉลากข้อมูล (Data Classification) ร่วมกับ Microsoft 365, SharePoint และ Teams
- ทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่กำกับดูแลเพื่อกำหนดความหมายของ “ข้อมูลสำคัญ” ตามความเสี่ยงทางธุรกิจ
ขาดการตรวจสอบและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
แม้จะมีการติดตั้งระบบแล้ว หากไม่ตรวจสอบและปรับปรุงนโยบายเป็นประจำ ก็ถือเป็นหนึ่งใน Common DLP mistakes ที่มีต้นทุนสูง
📈 วิธีหลีกเลี่ยง:
- ตั้งรอบการทบทวนรายเดือน ตรวจสอบการแจ้งเตือน False Positive และเหตุการณ์ที่พลาดไป
- ใช้แดชบอร์ดและเครื่องมือวิเคราะห์ เช่น Microsoft Purview เพื่อติดตามประสิทธิภาพ
- ปรับนโยบายตามพฤติกรรมของผู้ใช้และรูปแบบภัยคุกคามใหม่
ตารางเปรียบเทียบโซลูชัน DLP ชั้นนำ ปี 2025
โซลูชัน DLP | จุดเด่น | ขอบเขตการใช้งาน | เหมาะสำหรับ |
Microsoft Purview DLP | ผสานรวมกับ Microsoft 365, จัดหมวดข้อมูลอัตโนมัติ, แจ้งเตือนทันที | Microsoft 365, Teams, SharePoint, Exchange | องค์กรที่ใช้เทคโนโลยีของ Microsoft |
Symantec DLP | ตั้งกฎได้ละเอียด, ครอบคลุมจากปลายทางถึงคลาวด์ | Windows, macOS, Cloud apps, On-prem | องค์กรขนาดใหญ่ที่มีโครงสร้างผสม |
Forcepoint DLP | วิเคราะห์พฤติกรรม, ตรวจจับภัยคุกคามจากภายใน | Cloud, endpoints, network | องค์กรที่เน้นความเสี่ยงด้านพฤติกรรม |
Trellix (McAfee) DLP | เทมเพลตนโยบาย, ทำงานร่วมกับการเข้ารหัส, ตอบสนองรวดเร็ว | Enterprise apps, endpoints | ทีมความปลอดภัยที่มีระบบเดิม |
Digital Guardian | ติดแท็กข้อมูลได้เอง, ตัวแทนปลายทางแข็งแกร่ง, ติดตามระดับไฟล์ | Cross-platform โดยเฉพาะ Linux | อุตสาหกรรมที่มีข้อกำหนดควบคุมเข้มงวด |
เช็กลิสต์การติดตั้ง DLP
✅ งานที่ต้องทำ | คำอธิบาย |
🛠 กำหนดประเภทข้อมูลสำคัญ | ระบุว่าข้อมูลประเภทใดจัดเป็นข้อมูลสำคัญ เช่น PII, IP, การเงิน |
🧩 เลือกโซลูชัน DLP | เลือกให้ตรงกับระบบที่ใช้งาน เช่น Microsoft Purview หากใช้ M365 |
🧑🏫 อบรมพนักงาน | รวมเนื้อหา DLP ไว้ในหลักสูตรความปลอดภัยและการปฐมนิเทศพนักงานใหม่ |
⚙️ ปรับแต่งนโยบาย | อย่าใช้แต่เทมเพลต ควรปรับให้เหมาะกับภูมิภาค หน่วยงาน และบทบาท |
🔔 เปิดระบบแจ้งเตือน | ใช้การเตือนแทนการบล็อกทันที และติดตามพฤติกรรมผู้ใช้ |
📊 ตรวจสอบและรายงาน | ตั้งค่าแดชบอร์ด วิเคราะห์เหตุการณ์ผิดพลาด และปรับปรุงอย่างสม่ำเสมอ |
🔁 ตรวจสอบประจำเดือน | ตรวจสอบรายเดือนเพื่อตามทันกับภัยคุกคามใหม่และข้อกำหนดที่เปลี่ยนแปลง |
บทสรุป
การหลีกเลี่ยง Common DLP mistakes ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเครื่องมือเพียงอย่างเดียว แต่ต้องมีการวางกลยุทธ์ที่สอดคล้อง ความเข้าใจของผู้ใช้ และการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โปรแกรม DLP ที่ทันสมัยควรผสานระบบอัตโนมัติอัจฉริยะ เข้ากับนโยบายที่ยืดหยุ่น และแนวคิดที่เน้นมนุษย์เป็นศูนย์กลาง เมื่อคุณแก้ไขข้อผิดพลาดเหล่านี้ได้อย่างตรงจุด องค์กรของคุณก็จะสามารถสร้างวัฒนธรรมการปกป้องข้อมูลที่แข็งแกร่งขึ้นได้
สนใจผลิตภัณฑ์และบริการของ Microsoft หรือไม่ ส่งข้อความถึงเราที่นี่
สำรวจเครื่องมือดิจิทัลของเรา
หากคุณสนใจในการนำระบบจัดการความรู้มาใช้ในองค์กรของคุณ ติดต่อ SeedKM เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบจัดการความรู้ภายในองค์กร หรือสำรวจผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น Jarviz สำหรับการบันทึกเวลาทำงานออนไลน์, OPTIMISTIC สำหรับการจัดการบุคลากร HRM-Payroll, Veracity สำหรับการเซ็นเอกสารดิจิทัล, และ CloudAccount สำหรับการบัญชีออนไลน์
อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบจัดการความรู้และเครื่องมือการจัดการอื่นๆ ได้ที่ Fusionsol Blog, IP Phone Blog, Chat Framework Blog, และ OpenAI Blog.
Google Uses Gemini Nano in Chrome to Combat the Latest Scams
ถ้าอยากติดตามข่าวเทคโนโลยีและข่าว AI ที่กำลังเป็นกระแสทุกวัน ลองเข้าไปดูที่ เว็บไซต์นี้ มีอัปเดตใหม่ๆ ให้ตามทุกวันเลย!
Related Articles
- Microsoft 365 คืออะไร?
- Introducing OpenAI for Countries
- Use Together Microsoft 365 Forms and Excel for Better Data Tracking
- 3 ways to start using AI agents to enhance your team workforce
- Copilot Now Brings 4o Image Generation Directly into GroupMe
- Microsoft Virtual Datacenter Tour: Opens a Door to the Cloud
Frequently Asked Questions (FAQ)
DLP คืออะไร?
DLP (Data Loss Prevention) คือเทคโนโลยีที่ช่วยป้องกันไม่ให้ข้อมูลสำคัญ เช่น ข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลทางการเงิน หรือข้อมูลลับขององค์กร รั่วไหลออกไปทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ ผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น อีเมล, USB, หรือ cloud storage
DLP ทำงานอย่างไร?
DLP ใช้การกำหนดนโยบาย (Policy) เพื่อระบุ ละเมิด และควบคุมการเข้าถึงหรือถ่ายโอนข้อมูล โดยอาศัยการสแกนคีย์เวิร์ด, การตรวจจับรูปแบบ (เช่น เลขบัตรเครดิต), และบริบท เช่น ผู้ใช้ปลายทางหรือช่องทางที่ใช้ส่งข้อมูล
DLP มีแบบใดบ้าง?
DLP แบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก:
- Network DLP: เฝ้าระวังข้อมูลที่ส่งออกผ่านเครือข่าย
- Endpoint DLP: ควบคุมอุปกรณ์ปลายทาง เช่น USB หรือ clipboard
- Cloud DLP: ป้องกันข้อมูลที่จัดเก็บหรือใช้งานในบริการ Cloud เช่น Microsoft 365 หรือ Google Workspace
Microsoft มี DLP Solution หรือไม่?
มีครับ Microsoft มีโซลูชัน DLP ผ่าน Microsoft Purview ที่รวมความสามารถของ DLP เข้าไปใน Microsoft 365, Teams, Exchange, SharePoint และ OneDrive และยังสามารถใช้ร่วมกับ Endpoint (ผ่าน Intune) ได้อีกด้วย
ทำไมองค์กรควรใช้ DLP?
เพื่อลดความเสี่ยงด้านความมั่นคงปลอดภัยข้อมูล:
- ป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลสำคัญ
- ปฏิบัติตามกฎหมายหรือข้อบังคับ เช่น PDPA, GDPR
- เพิ่มความเชื่อมั่นให้ลูกค้าและพาร์ทเนอร์
- ลดค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดจากเหตุการณ์ข้อมูลรั่วไหล