เปรียบเทียบ Microsoft Defender and Sentinel

ในภูมิทัศน์ความปลอดภัยไซเบอร์ที่ซับซ้อนในปัจจุบัน ธุรกิจต่าง ๆ มักพบกับสองเครื่องมือรักษาความปลอดภัยอันทรงพลังจาก Microsoft คือ Microsoft Defender and Sentinel
แม้ว่าทั้งสองจะมีบทบาทสำคัญในการปกป้องข้อมูล อัตลักษณ์ และโครงสร้างพื้นฐาน แต่จริง ๆ แล้วมีวัตถุประสงค์และจุดเน้นการทำงานที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน
คู่มือฉบับสมบูรณ์นี้จะอธิบายความแตกต่างระหว่าง Defender and Sentinel โดยครอบคลุมถึงฟังก์ชันหลัก รูปแบบการใช้งาน ราคา การผสานรวม และตัวอย่างการใช้งานจริง
บทนำสู่ Microsoft Defender and Sentinel
ก่อนที่จะเจาะลึกถึงความแตกต่าง เรามาทำความเข้าใจว่าผลิตภัณฑ์แต่ละตัวมีอะไรบ้าง:
โซลูชัน | คำอธิบาย |
Microsoft Defender | ชุดโซลูชันด้านความปลอดภัยที่ครอบคลุม ซึ่งให้การป้องกัน ตรวจจับ และตอบสนองต่อภัยคุกคามในอุปกรณ์ปลายทาง อัตลักษณ์ อีเมล แอปพลิเคชันคลาวด์ และโครงสร้างพื้นฐาน |
Microsoft Sentinel | แพลตฟอร์ม SIEM และ SOAR แบบ Cloud-native ที่ออกแบบมาเพื่อรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ ตรวจจับภัยคุกคามที่ซับซ้อน และทำให้งานปฏิบัติการด้านความปลอดภัยเป็นอัตโนมัติในระดับองค์กร |
ทั้งสองเครื่องมือมีความสำคัญในชั้นต่าง ๆ ของความปลอดภัยไซเบอร์: Defender เน้นการป้องกันและการปกป้อง ในขณะที่ Sentinel เน้นการมองเห็นภัยคุกคาม การตรวจจับ และการตอบสนองทั่วทั้งระบบดิจิทัลขององค์กร
เจาะลึก: การเปรียบเทียบขีดความสามารถหลัก
ด้านการทำงาน | Microsoft Defender | Microsoft Sentinel |
บทบาทหลัก | การป้องกันภัยคุกคามและการปกป้องอุปกรณ์ปลายทาง | การตรวจจับภัยคุกคาม การสืบสวน และการตอบสนอง |
ขอบเขตการป้องกัน | อุปกรณ์ปลายทาง ผู้ใช้ แอปพลิเคชัน โครงสร้างพื้นฐาน | ระบบไอทีทั้งหมด (รวมถึงแหล่งข้อมูลจากภายนอก) |
การติดตั้งใช้งาน | ผสานรวมกับสภาพแวดล้อม Microsoft 365 | ใช้งานบน Azure แบบ Cloud-native |
การทำงานอัตโนมัติ | การตอบสนองพื้นฐานต่อภัยคุกคามที่ตรวจพบ | ระบบอัตโนมัติขั้นสูง (SOAR playbooks) |
การรวบรวมข้อมูล | จำกัดเฉพาะข้อมูลจากระบบที่ได้รับการปกป้อง | เชื่อมต่อข้อมูลจากผลิตภัณฑ์ Microsoft, AWS, GCP, ระบบในองค์กร ฯลฯ |
การปรับแต่ง | ปรับแต่งนโยบายและการแจ้งเตือนได้ | ปรับแต่งกฎวิเคราะห์ Playbook และการจัดการเหตุการณ์ได้อย่างเต็มรูปแบบ |
ความแตกต่างเชิงลึกระหว่าง Microsoft Defender and Sentinel
อธิบายเกี่ยวกับ Microsoft Defender
Microsoft Defender ไม่ได้เป็นผลิตภัณฑ์เดียว แต่เป็นกลุ่มของโซลูชันที่เชื่อมโยงกัน ประกอบด้วย:
- Microsoft Defender for Endpoint: ระบบ EDR สำหรับปกป้องอุปกรณ์
- Microsoft Defender for Identity: ตรวจสอบและป้องกันการโจมตีที่เกี่ยวข้องกับอัตลักษณ์
- Microsoft Defender for Office 365: ปกป้องอีเมล ไฟล์แนบ และเครื่องมือการทำงานร่วมกัน
- Microsoft Defender for Cloud Apps: เฝ้าระวังและควบคุมการใช้แอปพลิเคชัน SaaS
- Microsoft Defender for Cloud: รักษาความปลอดภัยของเวิร์กโหลดคลาวด์ คอนเทนเนอร์ และ VM
เป้าหมายหลัก:
เป้าหมายของ Defender คือการหยุดภัยคุกคามก่อนที่จะก่อให้เกิดความเสียหาย โดยตรวจจับกิจกรรมที่น่าสงสัยในระดับอุปกรณ์ปลายทางหรืออัตลักษณ์และทำการบล็อกทันที
อธิบายเกี่ยวกับ Microsoft Sentinel
Microsoft Sentinel คือบริการ SIEM และ SOAR แบบ Cloud-native ที่ทรงพลัง ซึ่งให้บริการดังนี้:
- การรวบรวมข้อมูล: ดึงข้อมูลบันทึกจากผลิตภัณฑ์ Microsoft บริการภายนอก (เช่น AWS, Palo Alto, Cisco) และแหล่งข้อมูลแบบกำหนดเอง
- การตรวจจับภัยคุกคาม: ใช้ Machine Learning กฎการวิเคราะห์ที่มีมาให้ และข้อมูลข่าวกรองภัยคุกคาม
- การสืบสวน: มีอินเทอร์เฟซการสืบสวนเชิงกราฟิกเพื่อติดตามเส้นทางการโจมตี
- การทำงานอัตโนมัติ: ดำเนินการ Playbook เพื่อแก้ไขเหตุการณ์โดยอัตโนมัติตามกฎที่กำหนดไว้
- การล่าภัยคุกคาม (Threat Hunting): มีฟังก์ชันการล่าภัยคุกคามขั้นสูงด้วย Kusto Query Language (KQL)
เป้าหมายหลัก:
เป้าหมายของ Sentinel คือการเพิ่มการมองเห็นทั่วทั้งองค์กร ตรวจจับการโจมตีที่ซับซ้อนซึ่งอาจมองไม่เห็นจากอุปกรณ์หรือแอปพลิเคชันแต่ละตัว
การเปรียบเทียบราคา: Microsoft Defender vs Sentinel
ราคา Microsoft Defender
Microsoft Defender โดยทั่วไปจะได้รับสิทธิ์การใช้งานผ่าน:
- ใบอนุญาตรายผู้ใช้: มักถูกรวมอยู่ใน Microsoft 365 E5
- แบบแยกจำหน่าย: เช่น Defender for Endpoint Plan 1 และ Plan 2
ราคาขึ้นอยู่กับแผนที่เลือกใช้:
ผลิตภัณฑ์ | ราคาประมาณการ |
Defender for Endpoint P1 | ~3 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อผู้ใช้/เดือน |
Defender for Endpoint P2 | ~5.20 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อผู้ใช้/เดือน |
Defender for Office 365 P1 | ~2 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อผู้ใช้/เดือน |
Defender for Office 365 P2 | ~5 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อผู้ใช้/เดือน |
(ราคาจริงอาจแตกต่างกันตามภูมิภาคและข้อตกลง)
ราคา Microsoft Sentinel
Microsoft Sentinel ใช้โมเดลคิดค่าบริการตามการใช้งานจริง:
องค์ประกอบราคา | รายละเอียด |
การนำเข้าข้อมูล (Data Ingestion) | ~2.76 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อ GB ที่นำเข้าไปยัง workspace |
การเก็บบันทึก (Log Retention) | ฟรี 90 วันแรก; จากนั้น ~0.12 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อ GB ต่อเดือน |
ค่าใช้จ่ายการทำงานอัตโนมัติ (Automation Charges) | คิดตามการทำงานของ Logic Apps |
ราคาของ Sentinel อาจสูงขึ้นได้หากไม่ได้มีการบริหารจัดการอย่างเหมาะสม องค์กรมักควบคุมค่าใช้จ่ายด้วย:
- การใช้ Basic Logs (ราคาถูกกว่าสำหรับข้อมูลลำดับความสำคัญต่ำ)
- การตั้งขีดจำกัดข้อมูลและนโยบายการเก็บรักษา (Retention Policies)
- การใช้โซลูชันการจัดเก็บระยะยาว (Archiving Solutions)
ตัวอย่างการใช้งานจริง
สถานการณ์ | เครื่องมือที่แนะนำ |
ปกป้องอุปกรณ์จากมัลแวร์และแรนซัมแวร์ | Microsoft Defender for Endpoint |
ติดตามกิจกรรมของผู้ใช้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยง | Microsoft Defender for Identity |
ตรวจจับแคมเปญการโจมตีแบบประสานงานข้ามหลายแพลตฟอร์ม | Microsoft Sentinel |
ทำงานตอบสนองเหตุการณ์ซับซ้อนแบบอัตโนมัติ | Microsoft Sentinel |
ดูแลการใช้งานแอป SaaS ขององค์กร | Microsoft Defender for Cloud Apps |
การทำงานร่วมกันของ Microsoft Defender and Sentinel
ในสถาปัตยกรรมด้านความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพ:
- Microsoft Defender ตรวจจับและบล็อกการโจมตีเบื้องต้น (เช่น มัลแวร์หรือฟิชชิง)
- Defender ส่งข้อมูลเทเลเมทรีไปยัง Sentinel
- Microsoft Sentinel วิเคราะห์และเชื่อมโยงข้อมูลเพื่อระบุการเคลื่อนไหวเพิ่มเติมของผู้โจมตีในเครือข่าย
- Sentinel เรียกใช้งาน playbooks เพื่อควบคุมภัยคุกคาม แจ้งเตือนทีมรักษาความปลอดภัย และเริ่มกระบวนการสืบสวนทางนิติวิทยาศาสตร์
การทำงานร่วมกันเช่นนี้จะช่วยให้ได้ทั้งการป้องกันเชิงรุก (Defender) และการตรวจจับ-ตอบสนองอย่างรวดเร็ว (Sentinel)
แผนภาพสถาปัตยกรรม (อธิบายเป็นข้อความ)
- อุปกรณ์ → ป้องกันโดย Microsoft Defender for Endpoint
- ตัวตน (Identities) → เฝ้าระวังโดย Microsoft Defender for Identity
- อีเมลใน Office 365 → ปกป้องโดย Microsoft Defender for Office 365
- ข้อมูลบันทึกทั้งหมด (รวมทั้งการแจ้งเตือนจาก Defender) → ถูกนำเข้าไปยัง Microsoft Sentinel
- Sentinel → รวบรวม วิเคราะห์ และทำงานตอบสนองต่อภัยคุกคามจากทุกระบบ
ข้อดีและข้อเสีย
| Microsoft Defender | Microsoft Sentinel |
ข้อดี | การปกป้องปลายทางแบบบูรณาการ ติดตั้งได้ง่าย เป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศ M365 | รองรับการนำเข้าข้อมูลจากหลายแหล่ง วิเคราะห์ขั้นสูงและอัตโนมัติ รองรับข้ามแพลตฟอร์ม |
ข้อเสีย | ขอบเขตการมองเห็นจำกัดในแอป/อุปกรณ์ของบุคคลที่สาม | ค่าใช้จ่ายสูงหากปริมาณข้อมูลมาก ต้องมีความรู้ลึก (เช่น KQL, playbooks) |
แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในการใช้ Microsoft Defender and Sentinel
- ติดตั้ง Defender ให้ครอบคลุมอุปกรณ์ ตัวตน และบริการคลาวด์
- นำการแจ้งเตือนของ Defender เข้ามาใน Sentinel เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจจับ
- ใช้การทำงานอัตโนมัติผ่าน Sentinel Playbooks เพื่อลดเวลาในการตอบสนอง
- ใช้ข้อมูลภัยคุกคาม (Threat Intelligence) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจจับของทั้ง Defender และ Sentinel
- ปรับแต่งกฎการวิเคราะห์ของ Sentinel อย่างต่อเนื่องเพื่อลดการแจ้งเตือนผิดพลาดและเพิ่มความแม่นยำในการตรวจจับ
บทสรุป
การเข้าใจความแตกต่างและการทำงานเสริมกันของ Microsoft Defender and Sentinel เป็นสิ่งสำคัญต่อการสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง
Defender ทำหน้าที่เป็นแนวป้องกันด่านแรก หยุดภัยคุกคามตั้งแต่เนิ่นๆ ส่วน Sentinel ช่วยให้ตรวจจับและตอบสนองต่อภัยคุกคามที่อาจเล็ดลอดผ่านการป้องกันเบื้องต้นไปได้
ดังนั้น สำหรับแนวทางการรักษาความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพ องค์กรควรใช้ทั้งสองเครื่องมือร่วมกัน เพื่อเพิ่มทั้งการป้องกัน ความสามารถในการมองเห็น และการตอบสนองอย่างรวดเร็ว
สนใจผลิตภัณฑ์และบริการของ Microsoft หรือไม่ ส่งข้อความถึงเราที่นี่
สำรวจเครื่องมือดิจิทัลของเรา
หากคุณสนใจในการนำระบบจัดการความรู้มาใช้ในองค์กรของคุณ ติดต่อ SeedKM เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบจัดการความรู้ภายในองค์กร หรือสำรวจผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น Jarviz สำหรับการบันทึกเวลาทำงานออนไลน์, OPTIMISTIC สำหรับการจัดการบุคลากร HRM-Payroll, Veracity สำหรับการเซ็นเอกสารดิจิทัล, และ CloudAccount สำหรับการบัญชีออนไลน์
อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบจัดการความรู้และเครื่องมือการจัดการอื่นๆ ได้ที่ Fusionsol Blog, IP Phone Blog, Chat Framework Blog, และ OpenAI Blog.
ถ้าอยากติดตามข่าวเทคโนโลยีและข่าว AI ที่กำลังเป็นกระแสทุกวัน ลองเข้าไปดูที่ เว็บไซต์นี้ มีอัปเดตใหม่ๆ ให้ตามทุกวันเลย!
Related Articles
- Microsoft 365 คืออะไร?
- Microsoft 365 for Frontline Workers: Enhancing Productivity and Collaboration
- Introducing new feature Computer Use in Copilot Studio for UI Automation
- Windsurf and Cursor Ultimate Comparison
- Unleashing Image Generation in Azure AI Foundry with GPT-image-1
- OpenAI Introducing latest image generation model gpt image 1 API
Frequently Asked Questions (FAQ)
Microsoft Sentinel คืออะไร?
Microsoft Sentinel คือโซลูชัน SIEM (Security Information and Event Management) และ SOAR (Security Orchestration, Automation, and Response) บนระบบคลาวด์ ที่ช่วยองค์กรในการตรวจจับภัยคุกคาม วิเคราะห์ข้อมูลความปลอดภัย ตอบสนองต่อเหตุการณ์ และป้องกันการโจมตีได้อย่างรวดเร็วและชาญฉลาด
Microsoft Sentinel ทำงานอย่างไร?
Sentinel จะรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ เช่น อุปกรณ์ ระบบคลาวด์ แอปพลิเคชัน และเครือข่าย นำข้อมูลเหล่านั้นมาวิเคราะห์ด้วย AI และ machine learning เพื่อค้นหาภัยคุกคาม แล้วแจ้งเตือนหรือดำเนินการตอบสนองอัตโนมัติผ่าน playbooks
Microsoft Sentinel รองรับการเชื่อมต่อกับแหล่งข้อมูลใดบ้าง?
Sentinel รองรับการเชื่อมต่อกับแหล่งข้อมูลทั้งจาก Microsoft (เช่น Microsoft 365, Azure AD, Defender) และจากผู้ให้บริการอื่น เช่น อุปกรณ์ Firewall, Endpoint Protection, SIEM อื่น ๆ และระบบคลาวด์ของผู้ให้บริการภายนอก เช่น AWS และ Google Cloud
Sentinel มีฟีเจอร์การตอบสนองต่อภัยคุกคามอัตโนมัติหรือไม่?
มีครับ Sentinel มีความสามารถด้าน SOAR โดยสามารถสร้าง Playbook ที่กำหนดให้ตอบสนองต่อภัยคุกคามอัตโนมัติ เช่น การปิดกั้นบัญชีผู้ใช้ ล็อกอินผิดปกติ หรือตั้งค่าอัตโนมัติให้แจ้งเตือนผ่าน Teams หรือ Email
Sentinel คิดค่าบริการอย่างไร?
Sentinel คิดค่าบริการตามปริมาณข้อมูลที่เก็บเข้า (Ingestion volume) และระยะเวลาที่จัดเก็บข้อมูล สำหรับการทดลองใช้งาน Microsoft มีการให้เครดิตการใช้งานฟรีในช่วงแรก และยังมีตัวเลือกสำหรับการสำรองข้อมูลระยะยาวด้วยราคาพิเศษ