PDPA & DLP: การปกป้องข้อมูลสำคัญด้วย Microsoft Purview

ในยุคที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล องค์กรต่าง ๆ มีการสร้าง จัดเก็บ และแชร์ข้อมูลอย่างต่อเนื่อง แม้การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลจะช่วยผลักดันการเติบโตทางธุรกิจ แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงต่อการรั่วไหลของข้อมูลและการละเมิดความเป็นส่วนตัวเช่นกัน เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศไทย (PDPA: Personal Data Protection Act) และเพื่อป้องกันการสูญหายของข้อมูลโดยไม่ได้ตั้งใจ หลายองค์กรจึงหันมาใช้โซลูชัน PDPA & DLP ภายใต้ระบบ Microsoft Purview
Microsoft Purview ช่วยให้องค์กรสร้างกลยุทธ์การกำกับดูแลและการปฏิบัติตามข้อกำหนด (Governance & Compliance) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลสำคัญจะได้รับการปกป้อง ทั้งภายในและภายนอกเครือข่ายของบริษัท
ทำความเข้าใจกับ PDPA และความสำคัญ
พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) เป็นกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศไทยที่กำหนดแนวทางในการเก็บ ใช้ และเปิดเผยข้อมูลของบุคคล โดยมีกลไกคล้ายกับกฎหมาย GDPR ของสหภาพยุโรป ซึ่งกำหนดให้องค์กรต้องรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลและจัดการข้อมูลอย่างมีความรับผิดชอบ
การไม่ปฏิบัติตาม PDPA อาจนำไปสู่บทลงโทษทางการเงินและกฎหมายที่รุนแรง อย่างไรก็ตาม การปฏิบัติตาม PDPA ไม่ได้เป็นเพียงการหลีกเลี่ยงโทษเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้าง “ความเชื่อมั่น” และ “ความโปร่งใส” ให้กับลูกค้าอีกด้วย
องค์กรที่ต้องการปฏิบัติตาม PDPA อย่างถูกต้องควร:
- ระบุข้อมูลส่วนบุคคลในระบบและแพลตฟอร์มต่าง ๆ
- จัดหมวดหมู่ข้อมูลตามระดับความอ่อนไหวและผลกระทบต่อธุรกิจ
- ใช้มาตรการทางเทคนิคเพื่อป้องกันการเข้าถึงหรือการแชร์ข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต
และนี่คือจุดที่ความสามารถของ Microsoft Purview DLP เข้ามามีบทบาทสำคัญ
DLP คืออะไร และทำไมจึงสำคัญ
Data Loss Prevention (DLP) คือกระบวนการและเครื่องมือที่ใช้ในการตรวจจับและป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลสำคัญออกจากองค์กร DLP ช่วยให้มั่นใจว่าข้อมูลลับ เช่น ข้อมูลลูกค้า ข้อมูลการเงิน หรือทรัพย์สินทางปัญญา จะไม่ถูกส่งออกไปอย่างไม่ปลอดภัย
DLP สามารถป้องกันเหตุการณ์ต่อไปนี้:
ประเภทของภัยคุกคาม | ตัวอย่างสถานการณ์ |
การแชร์ข้อมูลโดยไม่ได้ตั้งใจ | พนักงานส่งไฟล์ลับไปยังอีเมลภายนอกโดยไม่ได้ตรวจสอบ |
การเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต | ข้อมูลสำคัญถูกคัดลอกไปยัง Cloud ส่วนตัวหรือ USB |
การรั่วไหลผ่านแอปแชท | ผู้ใช้แชร์ข้อมูลลูกค้าผ่าน Teams หรือแอปแชทอื่น |
การละเมิดข้อกำหนดทางกฎหมาย | ส่งต่อข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่มีการเข้ารหัสหรือไม่ได้รับความยินยอม |
เมื่อ DLP ทำงานร่วมกับ Microsoft Purview ระบบจะสามารถตรวจสอบ จัดประเภท และปกป้องข้อมูลได้แบบเรียลไทม์ ด้วยนโยบายอัจฉริยะที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล
Microsoft Purview ช่วยให้องค์กรสอดคล้องกับ PDPA & DLP ได้อย่างไร
Microsoft Purview เป็นแพลตฟอร์มแบบครบวงจรที่ช่วยจัดการด้าน Data Governance, Risk และ Compliance ให้องค์กรสามารถระบุข้อมูลที่สำคัญ ตรวจสอบพฤติกรรมผู้ใช้ และกำหนดนโยบาย DLP ที่สอดคล้องกับข้อกำหนดของ PDPA
ความสามารถหลักของ Purview ได้แก่:
ฟีเจอร์ | คำอธิบาย |
การจำแนกประเภทข้อมูล (Data Classification) | ตรวจจับและติดป้ายกำกับข้อมูลสำคัญโดยอัตโนมัติ เช่น หมายเลขบัตรประชาชน หรือข้อมูลทางการเงิน |
การป้องกันตามนโยบาย (Policy-Based Protection) | ใช้นโยบาย DLP กับอีเมล SharePoint OneDrive Teams และอุปกรณ์ปลายทาง |
การแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์ (Real-Time Alerts) | แจ้งเตือนผู้ใช้และผู้ดูแลระบบเมื่อมีการละเมิดนโยบาย |
การทำแผนที่ข้อมูล (Data Mapping & Discovery) | แสดงให้เห็นว่าข้อมูลส่วนบุคคลถูกจัดเก็บและใช้งานที่ใด |
การตรวจสอบและรายงาน (Audit & Reporting) | สร้างรายงานเพื่อตรวจสอบการปฏิบัติตาม PDPA สำหรับการตรวจสอบภายในหรือภายนอก |
นอกจากนี้ นโยบาย DLP ของ Purview ยังสามารถให้คำแนะนำแก่ผู้ใช้ได้แบบเรียลไทม์ โดยจะแจ้งเตือนก่อนที่พวกเขาจะส่งหรือแชร์ข้อมูลสำคัญ และแนะนำทางเลือกที่ปลอดภัยกว่า ช่วยสร้างวัฒนธรรม “ความปลอดภัยของข้อมูล” ในทุกระดับขององค์กร
การผสานรวมกับ Microsoft 365 Ecosystem
Microsoft Purview ทำงานร่วมกับแอปพลิเคชันใน Microsoft 365 ได้อย่างราบรื่น เพื่อให้แน่ใจว่านโยบาย DLP ถูกบังคับใช้อย่างสม่ำเสมอในทุกบริการ
ตัวอย่างการใช้งานจริง:
- Outlook: ตรวจจับและบล็อกอีเมลที่มีข้อมูลอ่อนไหวโดยอัตโนมัติ
- Teams: ตรวจสอบข้อความแชทเพื่อป้องกันการรั่วไหลของข้อมูล
- SharePoint & OneDrive: จำกัดการแชร์ไฟล์ออกนอกองค์กร
- Endpoint DLP: ปกป้องข้อมูลในอุปกรณ์ Windows แม้ในขณะออฟไลน์
การผสานรวมเชิงลึกนี้ช่วยให้กลยุทธ์การปฏิบัติตาม PDPA & DLP ทำงานควบคู่กับการทำงานประจำวันของพนักงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่กระทบต่อประสิทธิภาพการทำงาน
การสร้างกลยุทธ์การปกป้องข้อมูลที่แข็งแกร่ง
เพื่อให้การปฏิบัติตาม PDPA & DLP สมบูรณ์แบบ องค์กรควรผสมผสานเทคโนโลยี นโยบาย และการให้ความรู้เข้าด้วยกัน
แนวทางหลักในการดำเนินงาน:
- ประเมินข้อมูลในองค์กร – ระบุว่าข้อมูลส่วนบุคคลถูกจัดเก็บอยู่ที่ใด ทั้งในระบบคลาวด์และในองค์กร
- จัดหมวดหมู่และติดฉลากข้อมูล – ใช้ Microsoft Purview Information Protection ในการติดป้ายและเข้ารหัสข้อมูลสำคัญ
- กำหนดนโยบาย DLP – ระบุและบังคับใช้นโยบายเพื่อป้องกันการแชร์ข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต
- อบรมพนักงาน – ให้ความรู้เรื่องการจัดการข้อมูลและข้อกำหนดทางกฎหมาย
- ตรวจสอบและปรับปรุงต่อเนื่อง – ใช้รายงานของ Purview เพื่อปรับแต่งนโยบายและตรวจจับความเสี่ยงใหม่ ๆ
ด้วยขั้นตอนเหล่านี้ องค์กรจะสามารถลดความเสี่ยง เพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติตามกฎหมาย และสร้างความไว้วางใจให้กับลูกค้าได้อย่างยั่งยืน
สรุป
การปกป้องข้อมูลไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป แต่เป็น ความจำเป็นทางธุรกิจ ภายใต้กฎหมาย PDPA ของประเทศไทยที่เข้มงวด องค์กรจำเป็นต้องมีแนวทางเชิงรุกในการดูแลข้อมูลสำคัญ
Microsoft Purview ที่มาพร้อมความสามารถด้าน DLP ช่วยให้องค์กรมีการมองเห็นแบบครบวงจร ระบบอัตโนมัติ และการควบคุมที่จำเป็นเพื่อปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านความเป็นส่วนตัวได้อย่างมั่นใจ
ด้วยนโยบายอัจฉริยะและการปกป้องแบบเรียลไทม์ของ Purview ธุรกิจสามารถปฏิบัติตามมาตรฐาน PDPA & DLP ได้อย่างเต็มรูปแบบ มั่นใจได้ว่าข้อมูลสำคัญจะได้รับการปกป้องอย่างปลอดภัย ถูกต้องตามกฎหมาย และอยู่ภายใต้การควบคุมขององค์กรอย่างสมบูรณ์.
สนใจผลิตภัณฑ์และบริการของ Microsoft หรือไม่ ส่งข้อความถึงเราที่นี่
สำรวจเครื่องมือดิจิทัลของเรา
หากคุณสนใจในการนำระบบจัดการความรู้มาใช้ในองค์กรของคุณ ติดต่อ SeedKM เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบจัดการความรู้ภายในองค์กร หรือสำรวจผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น Jarviz สำหรับการบันทึกเวลาทำงานออนไลน์, OPTIMISTIC สำหรับการจัดการบุคลากร HRM-Payroll, Veracity สำหรับการเซ็นเอกสารดิจิทัล, และ CloudAccount สำหรับการบัญชีออนไลน์
อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบจัดการความรู้และเครื่องมือการจัดการอื่นๆ ได้ที่ Fusionsol Blog, IP Phone Blog, Chat Framework Blog, และ OpenAI Blog.
New Gemini Tools For Educators: Empowering Teaching with AI
ถ้าอยากติดตามข่าวเทคโนโลยีและข่าว AI ที่กำลังเป็นกระแสทุกวัน ลองเข้าไปดูที่ เว็บไซต์นี้ มีอัปเดตใหม่ๆ ให้ตามทุกวันเลย!
Fusionsol Blog in Vietnamese
Related Articles
Frequently Asked Questions (FAQ)
Microsoft Copilot คืออะไร?
Microsoft Copilot คือฟีเจอร์ผู้ช่วยอัจฉริยะที่ใช้ AI เพื่อช่วยในการทำงานภายในแอปของ Microsoft 365 เช่น Word, Excel, PowerPoint, Outlook และ Teams โดยทำหน้าที่ช่วยสรุป เขียน วิเคราะห์ และจัดการข้อมูล
Copilot ใช้งานได้กับแอปไหนบ้าง?
ปัจจุบัน Copilot รองรับ Microsoft Word, Excel, PowerPoint, Outlook, Teams, OneNote, และอื่น ๆ ในตระกูล Microsoft 365
ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตหรือไม่จึงจะใช้งาน Copilot ได้?
จำเป็นต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต เนื่องจาก Copilot ทำงานร่วมกับโมเดล AI บนคลาวด์เพื่อให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำและอัปเดตข้อมูลล่าสุด
สามารถใช้ Copilot ช่วยเขียนเอกสารหรืออีเมลได้อย่างไร?
ผู้ใช้สามารถพิมพ์คำสั่ง เช่น “สรุปรายงานในย่อหน้าเดียว” หรือ “เขียนอีเมลตอบลูกค้าอย่างเป็นทางการ” และ Copilot จะสร้างข้อความให้ตามคำสั่ง
Copilot ปลอดภัยต่อข้อมูลส่วนบุคคลหรือไม่?
ใช่ Copilot ได้รับการออกแบบโดยยึดหลักความปลอดภัยและการปกป้องความเป็นส่วนตัว โดยข้อมูลของผู้ใช้จะไม่ถูกใช้ในการฝึกโมเดล AI และมีระบบการควบคุมสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลอย่างเข้มงวด