GPT-5.1: ฉลาดขึ้น เป็นธรรมชาติมากขึ้น และสนทนาได้เหมือนมนุษย์จริง

OpenAI ได้ประกาศเปิดตัว GPT-5.1 อย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นวิวัฒนาการรุ่นใหม่ล่าสุดในตระกูล GPT-5 ที่ยกระดับความฉลาด เหตุผลเชิงตรรกะ และความสามารถในการสนทนาให้ใกล้เคียงมนุษย์มากขึ้น รุ่นใหม่นี้ประกอบด้วยโมเดลอัปเกรดสองแบบคือ GPT 5.1 Instant และ GPT 5.1 Thinking ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อเพิ่มทั้งความเร็วและความลึกของการโต้ตอบ พร้อมเสียงโทนที่อบอุ่นและเป็นธรรมชาติมากกว่าเดิม
GPT-5.1 Instant: เร็วกว่า อบอุ่นกว่า และปรับตัวได้ดีกว่า
GPT 5.1 Instant เป็นโมเดลที่ผู้ใช้ ChatGPT ใช้งานบ่อยที่สุด โดยเวอร์ชันใหม่นี้ได้รับการออกแบบให้รู้สึกเป็นมิตรมากขึ้น สนุกและชาญฉลาดกว่าเดิม พร้อมการสนทนาที่ทั้งเป็นธรรมชาติและแม่นยำ
ครั้งแรกกับ adaptive reasoning หรือการใช้เหตุผลแบบปรับตามบริบท ซึ่งช่วยให้โมเดล “คิดก่อนตอบ” ในบางกรณีที่ซับซ้อน เพื่อให้ได้คำตอบที่ถูกต้องมากขึ้น โดยไม่ลดความเร็วของคำตอบในคำถามทั่วไป
จากผลการทดสอบภายใน GPT 5.1 Instant แสดงประสิทธิภาพที่ดีขึ้นอย่างมากในด้านคณิตศาสตร์และการเขียนโค้ด โดยทำคะแนนสูงกว่าโมเดลก่อนหน้าในการทดสอบ AIME 2025 และ Codeforces
GPT-5.1 Thinking: ฉลาดกว่าในเหตุผล และอธิบายได้ชัดเจนกว่า
GPT 5.1 Thinking ถูกออกแบบมาสำหรับการให้เหตุผลเชิงลึกและการแก้ปัญหาที่ซับซ้อน โดยจะปรับเวลาในการ “คิด” แบบไดนามิก ใช้เวลามากขึ้นเมื่อเจอคำถามยาก และตอบทันทีสำหรับคำถามง่าย
หนึ่งในจุดเด่นของรุ่นนี้คือ “ความชัดเจนของคำตอบ” โมเดลจะใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย ลดคำศัพท์เทคนิคที่ไม่จำเป็น และหลีกเลี่ยงภาษาซับซ้อน เหมาะอย่างยิ่งสำหรับงานวิชาการ งานเขียนเชิงเทคนิค หรือการใช้งานในระดับองค์กร
นอกจากนี้ โทนเสียงของ GPT 5.1 Thinking ยังมีความเห็นอกเห็นใจและเข้าถึงง่ายมากขึ้น เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการการโต้ตอบแบบมีอารมณ์ร่วม หรือสถานการณ์ที่ต้องใช้ความเข้าใจอย่างละเอียดอ่อน
การปรับแต่งบุคลิกและน้ำเสียงที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้น
OpenAI เข้าใจว่าผู้ใช้ต้องการให้ AI “พูดเหมือนตัวเอง” มากขึ้น และ GPT 5.1 ก็ทำให้สิ่งนั้นง่ายกว่าเดิม
คุณสามารถเลือกได้จาก 6 โทนเสียงที่ปรับปรุงใหม่ ได้แก่
- Default – สมดุลและเป็นธรรมชาติ
- Friendly – สนุก เป็นกันเอง และน่าพูดคุย
- Efficient – กระชับและตรงประเด็น
- Professional – เป็นทางการและเรียบหรู
- Candid – สบาย ๆ และตรงไปตรงมา
- Quirky – สร้างสรรค์และมีเอกลักษณ์
ผู้ใช้สามารถปรับแต่งเพิ่มเติมได้ เช่น ระดับความอบอุ่น ความกระชับ การใช้ emoji หรือความสามารถในการอ่านสแกนเร็ว อีกทั้ง ChatGPT ยังสามารถแนะนำการปรับโทนเสียงอัตโนมัติระหว่างสนทนา หากตรวจพบว่าผู้ใช้เปลี่ยนแนวการสื่อสาร

GPT-5.1 Auto: ระบบเลือกโมเดลอัจฉริยะ
ฟีเจอร์ใหม่ GPT 5.1 Auto จะเลือกใช้โมเดลที่เหมาะสมที่สุด (Instant หรือ Thinking) โดยอัตโนมัติ ตามระดับความซับซ้อนของงาน หมายความว่าผู้ใช้ไม่ต้องสลับโมเดลเองอีกต่อไป — ทุกอย่างจะถูกจัดการอย่างชาญฉลาดและรวดเร็ว
ในไม่กี่วันข้างหน้า GPT 5.1 Instant และ GPT 5.1 Thinking จะเปิดให้ใช้งานสำหรับผู้ใช้ Pro, Plus, Go และ Business ก่อนจะขยายไปยังผู้ใช้ทั่วไป Enterprise และ EDU จะได้รับสิทธิ์ทดลองใช้ก่อนการเปิดตัวเต็มรูปแบบ
การเข้าถึงสำหรับนักพัฒนา (API Access)
ทั้ง GPT 5.1 Instant และ GPT 5.1 Thinking จะเปิดให้ใช้งานผ่าน OpenAI API ภายในสัปดาห์นี้
- GPT 5.1 Instant → gpt 5.1-chat-latest
- GPT 5.1 Thinking → gpt 5.1 (พร้อมฟีเจอร์ adaptive reasoning)
นักพัฒนาสามารถทดลองใช้ฟีเจอร์ reasoning แบบปรับตามบริบท เพื่อสร้างแอปพลิเคชันที่ตอบสนองได้อย่างชาญฉลาดและยืดหยุ่นยิ่งขึ้น

ทำไม GPT 5.1 ถึงสำคัญ
การเปิดตัวของ GPT 5.1 ถือเป็นก้าวสำคัญของ AI ที่เข้าใจบริบทและอารมณ์มนุษย์มากขึ้น มันไม่เพียงยกระดับความสามารถด้านเหตุผลเชิงตรรกะเท่านั้น แต่ยังสร้างประสบการณ์สนทนาที่เป็นธรรมชาติและ “เป็นมนุษย์” มากกว่าที่เคย
คุณสมบัติ | GPT 5.0 | GPT 5.1 Instant | GPT 5.1 Thinking |
ความเร็ว | เร็ว | เร็วกว่า | ปรับตามงาน |
การให้เหตุผล | ปานกลาง | สูง (Adaptive) | สูงมาก |
โทนเสียง | เป็นกลาง | อบอุ่นและเป็นกันเอง | เห็นอกเห็นใจและชัดเจน |
กรณีใช้งานที่เหมาะสม | งานทั่วไป | การสนทนาและงานเขียนประจำวัน | การวิเคราะห์เชิงลึกและการอธิบาย |
อะไรต่อไป
GPT 5.1 เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของยุคใหม่แห่งความสามารถของ AI OpenAI วางเป้าหมายที่จะพัฒนาใน 3 แนวทางหลัก ได้แก่
- การให้เหตุผลที่ฉลาดยิ่งขึ้น — ทำให้โมเดลเข้าใจบริบทได้ลึกขึ้น
- การสื่อสารที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น — มุ่งเน้นน้ำเสียง บุคลิก และความอบอุ่น
- การปรับแต่งที่ดียิ่งขึ้น — ให้ผู้ใช้ปรับ AI ให้เข้ากับสไตล์ของตนเองได้มากที่สุด
เมื่อ GPT 5.1 กลายเป็นโมเดลหลักทั้งใน ChatGPT และ API ผู้ใช้จะได้สัมผัสประสบการณ์การสนทนาที่ทรงพลัง สนุกสนาน และ “มีความเป็นมนุษย์” มากที่สุด — ราวกับได้ผู้ช่วยส่วนตัวที่เข้าใจคุณอย่างแท้จริง.
สนใจผลิตภัณฑ์และบริการของ Microsoft หรือไม่ ส่งข้อความถึงเราที่นี่
สำรวจเครื่องมือดิจิทัลของเรา
หากคุณสนใจในการนำระบบจัดการความรู้มาใช้ในองค์กรของคุณ ติดต่อ SeedKM เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบจัดการความรู้ภายในองค์กร หรือสำรวจผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น Jarviz สำหรับการบันทึกเวลาทำงานออนไลน์, OPTIMISTIC สำหรับการจัดการบุคลากร HRM-Payroll, Veracity สำหรับการเซ็นเอกสารดิจิทัล, และ CloudAccount สำหรับการบัญชีออนไลน์
อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบจัดการความรู้และเครื่องมือการจัดการอื่นๆ ได้ที่ Fusionsol Blog, IP Phone Blog, Chat Framework Blog, และ OpenAI Blog.
New Gemini Tools For Educators: Empowering Teaching with AI
ถ้าอยากติดตามข่าวเทคโนโลยีและข่าว AI ที่กำลังเป็นกระแสทุกวัน ลองเข้าไปดูที่ เว็บไซต์นี้ มีอัปเดตใหม่ๆ ให้ตามทุกวันเลย!
Fusionsol Blog in Vietnamese
Related Articles
Frequently Asked Questions (FAQ)
Microsoft Copilot คืออะไร?
Microsoft Copilot คือฟีเจอร์ผู้ช่วยอัจฉริยะที่ใช้ AI เพื่อช่วยในการทำงานภายในแอปของ Microsoft 365 เช่น Word, Excel, PowerPoint, Outlook และ Teams โดยทำหน้าที่ช่วยสรุป เขียน วิเคราะห์ และจัดการข้อมูล
Copilot ใช้งานได้กับแอปไหนบ้าง?
ปัจจุบัน Copilot รองรับ Microsoft Word, Excel, PowerPoint, Outlook, Teams, OneNote, และอื่น ๆ ในตระกูล Microsoft 365
ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตหรือไม่จึงจะใช้งาน Copilot ได้?
จำเป็นต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต เนื่องจาก Copilot ทำงานร่วมกับโมเดล AI บนคลาวด์เพื่อให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำและอัปเดตข้อมูลล่าสุด
สามารถใช้ Copilot ช่วยเขียนเอกสารหรืออีเมลได้อย่างไร?
ผู้ใช้สามารถพิมพ์คำสั่ง เช่น “สรุปรายงานในย่อหน้าเดียว” หรือ “เขียนอีเมลตอบลูกค้าอย่างเป็นทางการ” และ Copilot จะสร้างข้อความให้ตามคำสั่ง
Copilot ปลอดภัยต่อข้อมูลส่วนบุคคลหรือไม่?
ใช่ Copilot ได้รับการออกแบบโดยยึดหลักความปลอดภัยและการปกป้องความเป็นส่วนตัว โดยข้อมูลของผู้ใช้จะไม่ถูกใช้ในการฝึกโมเดล AI และมีระบบการควบคุมสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลอย่างเข้มงวด



