Coding Agent and Agent Mode ใน GitHub Copilot

แนวทางใหม่ของ AI สำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ในปี 2025 กำลังมาแรง ด้วยการอัปเกรดล่าสุดจาก GitHub Copilot ที่เพิ่มคุณสมบัติ Coding Agent and Agent Mode ซึ่งไม่ใช่แค่ระบบเติมคำอัตโนมัติอีกต่อไป แต่กลายเป็นผู้ช่วย AI ที่สามารถเข้าใจ บริหารจัดการ และดำเนินการตามบริบทของโค้ดได้จริง มาดูกันว่าแต่ละฟีเจอร์ทำงานอย่างไร และส่งผลต่อการพัฒนาอย่างไรบ้างในปีนี้
เปลี่ยนจากระบบเติมคำ มาเป็นผู้ช่วยอัตโนมัติ
GitHub Copilot เริ่มต้นจากการเป็นระบบ autocomplete ที่ช่วยเติมโค้ดพื้นฐานหรือ boilerplate เท่านั้น แต่เมื่อแนวโน้มของ AI แบบ autonomous ที่สามารถวางแผน วิเคราะห์ และดำเนินการหลายขั้นตอนได้กลายเป็นกระแส GitHub จึงพัฒนาไปอีกขั้น
Coding Agent and Agent Mode ทำให้ Copilot ไม่ใช่แค่ตอบสนองต่อคำสั่ง แต่เป็นผู้ช่วยที่สามารถรับรู้เจตนา ทำงานข้ามไฟล์ และแม้กระทั่งเรียกใช้คำสั่งจากเทอร์มินัลหรือดีบั๊กโค้ดได้ — ทั้งหมดผ่านอินเทอร์เฟซแบบสนทนา
Coding Agent คืออะไร?
Coding Agent คือผู้ช่วย AI ที่สามารถทำงานด้านการพัฒนาโดยแปลงเป้าหมายจากภาษาธรรมชาติเป็นการกระทำที่จับต้องได้ แทนที่จะสั่งให้เขียนฟังก์ชันทีละบรรทัด นักพัฒนาสามารถพูดว่า:
“สร้าง REST API พร้อมระบบยืนยันตัวตนโดยใช้ Express กับ MongoDB”
AI จะดำเนินการโดยอัตโนมัติ เช่น:
- วางโครงสร้างโปรเจกต์
- ติดตั้ง dependencies
- เขียน endpoint
- ตั้งค่าระบบ auth middleware
นี่คือการเปลี่ยนบทบาทจาก “ตัวช่วย” มาเป็น “ผู้ดำเนินการ”
Agent Mode ใน GitHub Copilot คืออะไร?
Agent Mode คือโหมดพิเศษที่ Copilot เข้ารับบทบาทเชิงรุกมากขึ้น โดยสามารถ:
- อ่านและทำงานกับหลายไฟล์พร้อมกัน
- แก้ไขโค้ดแบบเชื่อมโยงข้ามไฟล์
- เสนอขั้นตอนต่อไปจากความตั้งใจของผู้ใช้ ไม่ใช่แค่ตำแหน่งของเคอร์เซอร์
- เรียกใช้คำสั่ง shell หรือ terminal (ต้องได้รับอนุญาตก่อน)
- ทำงานตามภารกิจ เช่น “แก้ error จาก lint ทั้งหมด” หรือ “เขียน test สำหรับคลาสนี้”
Agent Mode ทำให้ Copilot กลายเป็นผู้ช่วยที่มีบริบทครบถ้วน ทำงานร่วมกับนักพัฒนาได้อย่างลึกซึ้ง
กรณีใช้งานที่โดดเด่น
กรณีใช้งาน | บทบาทของ Coding Agent | ข้อดีของ Agent Mode |
เริ่มต้นโปรเจกต์ | สร้าง framework ติดตั้งเครื่องมือ | แนะนำโครงสร้างโฟลเดอร์ที่เหมาะสม |
ปรับปรุงโค้ด (Refactor) | เปลี่ยนชื่อฟังก์ชัน อัปเดตการอ้างอิง | แก้ไขหลายจุดอย่างแม่นยำและสอดคล้องกัน |
แก้บั๊ก | วิเคราะห์ error แก้หลายไฟล์ | เสนอแนวทางแก้ไขและดำเนินการอัตโนมัติ |
สร้างเอกสารโค้ด | สรุปตรรกะโค้ด เพิ่มคอมเมนต์ | สร้าง README.md และ docstring ให้ครบถ้วน |
เขียน Unit Test | เขียน test สำหรับคอมโพเนนต์หลัก | เสริม test coverage โดยอิงตาม best practice |
ทำงานอย่างไรเบื้องหลัง
GitHub ผสานเทคโนโลยี LLM (เช่น GPT-4 Turbo หรือ 4o), ระบบ embeddings สำหรับเข้าใจโค้ด และ sandbox ที่ปลอดภัย Copilot สามารถ:
- ทำความเข้าใจโค้ดในระดับความหมาย (semantic)
- วางแผนลำดับงานด้วย task queue
- รับ feedback แล้วปรับปรุงผลลัพธ์
- เรียกใช้คำสั่งเฉพาะเมื่อผู้ใช้ยินยอมเท่านั้น
การเข้าถึงและสถานะการใช้งาน
ณ กลางปี 2025:
- ฟีเจอร์นี้อยู่ใน Copilot Workspace (technical preview)
- เปิดให้ผู้ใช้งาน Copilot Business และ Enterprise ก่อน
- คาดว่าจะเปิดให้ผู้ใช้ทั่วไปภายในปีนี้
- สามารถลงทะเบียนรอใช้งานได้ที่ GitHub Copilot Workspace
บทส่งท้าย
Coding Agent and Agent Mode ได้เปลี่ยน GitHub Copilot จากแค่ผู้ช่วยเขียนโค้ด มาเป็นผู้ร่วมงานที่ฉลาด เข้าใจบริบท และสามารถลงมือทำได้จริง ไม่ว่าจะเป็นนักพัฒนาเดี่ยวหรือทีมใหญ่ คุณสมบัติเหล่านี้จะยกระดับประสิทธิภาพในการพัฒนาไปอีกขั้น
ในยุคที่ AI มีบทบาทเพิ่มขึ้นในการพัฒนา เครื่องมืออย่าง GitHub Copilot จะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ที่ไม่เพียงช่วยเขียนโค้ด — แต่ช่วยคิดและสร้างซอฟต์แวร์ที่ดีขึ้นร่วมกับคุณ.
สนใจผลิตภัณฑ์และบริการของ Microsoft หรือไม่ ส่งข้อความถึงเราที่นี่
สำรวจเครื่องมือดิจิทัลของเรา
หากคุณสนใจในการนำระบบจัดการความรู้มาใช้ในองค์กรของคุณ ติดต่อ SeedKM เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบจัดการความรู้ภายในองค์กร หรือสำรวจผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น Jarviz สำหรับการบันทึกเวลาทำงานออนไลน์, OPTIMISTIC สำหรับการจัดการบุคลากร HRM-Payroll, Veracity สำหรับการเซ็นเอกสารดิจิทัล, และ CloudAccount สำหรับการบัญชีออนไลน์
อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบจัดการความรู้และเครื่องมือการจัดการอื่นๆ ได้ที่ Fusionsol Blog, IP Phone Blog, Chat Framework Blog, และ OpenAI Blog.
Google Veo 3 in Gemini: A Breakthrough in AI Video Generation
ถ้าอยากติดตามข่าวเทคโนโลยีและข่าว AI ที่กำลังเป็นกระแสทุกวัน ลองเข้าไปดูที่ เว็บไซต์นี้ มีอัปเดตใหม่ๆ ให้ตามทุกวันเลย!
Related Articles
Frequently Asked Questions (FAQ)
GitHub Copilot คืออะไร?
GitHub Copilot คือผู้ช่วยเขียนโค้ดที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งพัฒนาโดย GitHub และ OpenAI โดยสามารถแนะนำโค้ดอัตโนมัติ ขยายโค้ด หรือเขียนฟังก์ชันใหม่จากคำอธิบายธรรมชาติ (natural language) ได้ภายในโปรแกรมเขียนโค้ดของคุณ
GitHub Copilot ใช้งานร่วมกับโปรแกรมใดได้บ้าง?
Copilot รองรับการใช้งานบน Visual Studio Code, Visual Studio, Neovim, และ JetBrains IDEs เช่น IntelliJ, PyCharm และ WebStorm ทำให้สามารถใช้ได้กับหลากหลายเวิร์กโฟลว์ของนักพัฒนา
GitHub Copilot รองรับภาษาโปรแกรมใดบ้าง?
Copilot รองรับภาษาโปรแกรมยอดนิยมหลายภาษา เช่น Python, JavaScript, TypeScript, Java, C#, Go, Ruby และ PHP รวมถึงภาษาอื่น ๆ อีกจำนวนมาก
GitHub Copilot มีค่าบริการหรือไม่?
GitHub Copilot มีรูปแบบการใช้งานแบบเสียค่าใช้จ่าย โดยมีทั้งแผนสำหรับผู้ใช้บุคคลทั่วไปและองค์กร รวมถึงมีเวอร์ชันทดลองใช้ฟรีให้ลองใช้งานก่อนตัดสินใจสมัครสมาชิก
Copilot ปลอดภัยต่อการใช้งานในองค์กรหรือไม่?
Copilot สำหรับองค์กร (Copilot for Business) มาพร้อมกับฟีเจอร์ด้านความปลอดภัย เช่น การจัดการสิทธิ์ การป้องกันโค้ดที่มีสิทธิ์ครอบครองทางปัญญา และการควบคุมนโยบายการใช้งาน เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานในระดับองค์กร