Web Application

Fusion Solution ให้บริการติดตั้ง และพัฒนา Web Application ด้วยเครื่องมือ Lowcode ของ Microsoft Gold Partner และ CMMI จากประสบการณ์ด้านการพัฒนา Application ให้กับหน่วยงานทั้งรัฐบาล เอกชนกว่า 16 ปีบริษัทมีความชำนาญในเครื่องมือ .Net ในการพัฒนา Web Application ให้กับหน่วยงานทั้งบริษัทของไทยและต่างประเทศ บริษัทสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าเขียนโปรแกรมแบบ Customize ตามความต้องการ โดยมีทีมงานที่เป็นมืออาชีพทั้งกระบวนการออกแบบ Design การทำ UX/UI โดยคำนึงถึงการใช้งานที่มีประสิทธิภาพใช้งานง่าย

Fusion Service Job

• Requirement and Design : ให้บริการ Design แบบก่อนที่จะส่งให้ Develop สำหรับบริษัทที่ต้องการ Design แบบที่ชัดเจนก่อนที่จะเริ่มพัฒนา ทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นได้ถึงสิ่งที่จะได้รับหลังการพัฒนาเสร็จสิ้น ว่าจะได้ระบบที่ตรงกับความต้องการ โดยสิ่งที่จะได้รับหลังจากการใช้บริการ จะเป็น Design ด้วย XD ซึ่งเป็นภาพที่สามารถ Clickได้จริงกรอกข้อมูลได้จริง รวมถึงเอกสาร ประกอบ ต่าง ๆ ที่จำเป็นสำหรับงาน Develop  ซึ่ง User สามารถนำเอกสาร design รวมถึง File XD ส่งใหักับผู้พัฒนาต่อได้ทัน
• Development : ให้บริการพัฒนาWeb Application สำหรับ Desktop และ Mobile Device ให้การทำงานของ Web เป็นแบบ Responsive
• Test Process : บริการทำ Test ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น Load Test , Function Test ,UAT
• Web Application Prototype : สำหรับบริษัทที่ต้องการจ้างออกแบบระบบ ก่อนนำไปพัฒนาจริง

Web Application ตามประเภทธุรกิจ

• ธุระกิจประกันภัย
• ระบบงานราชการ เช่น บริหารจัดการโครงการ
• ระบบ CRM
• ระบบสมาชิก
• ระบบวิเคราะห์ข้อมูล
• ระบบบริหารจัดการสัญญา
• ระบบ Customer Portal

เครื่องมือในการพัฒนา

• C# , VB
• Microsoft SQL
• Azure AI

มาตราฐานการพัฒนา

• CMMI 3
• Microsoft Gold Partner
• SAP Partner
• Solution Template

บทความที่เกี่ยวข้อง

• จัดทีมสำหรับพัฒนา Application
• การประเมิน budget สำหรับพัฒนาระบบ
• การพัฒนาแบบ Agile

การพัฒนาโดยใช้แนวคิด Agile

ด้วยความต้องการระบบที่เร่งด่วน และ เรื่อง Spec ที่ยังไม่ชัดเจนทำให้การพัฒนาระบบด้วยวิธี Agile จึงเป็นแนวทางที่เหมาะสมเพราะจะได้ระบบที่รวดเร็วประหยัดค่าใช้จ่าย และ สามารถปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา ซึ่งจากประสบการณ์พบว่า โครงการประสบความสำเร็จมากกว่า แนวคิด Water fall มาก เพราะจากตัว Spec ที่โครงการส่วนมากมักไม่ชัดเจนการ fit ทั้งงบประมาณและระยะเวลาจึงเป็น เรื่องที่ทำได้ยากที่จะทำได้จริง

แนวคิดเรื่อง Agile ยังมีประโยชน์ที่สำคัญมากคือ การ Update งานจะเป็นรอบไม่เกิน 5 วันทำให้ทุกคนมีโอกาสใกล้ชิดกันและได้แลกเปลี่ยนความคิดกันได้ถี่ขึ้น

แต่ในข้อดีก็มีจุดที่ต้องระวัง เนื่องจากแนวทางของ Agile ที่ต้องการให้เป็นลักษณะการทำงานที่เร็วที่สุด ทำให้ต้องวางเรื่องโครงสร้าง กับ เรื่องความปลอดภัย รวมถึง ความเสถียน เอาไว้ทีหลัง บางครั้งการวางเรื่องพวกนี้ไว้ทำทีหลังก็อาจจะทำได้ยากกว่าการเตรียมการไว้แต่แรก ซึ่งการป้องกันเรื่องนี้ จึงจะต้องมีอีกทีมหนึ่งที่เป็นที่ปรึกษาเรื่องการวางโครงสร้างไว้เป็นที่ปรึกษาเพิ่มอีก 1 ทีมด้วย

อีกหนึ่งวิธีที่ทำให้ Agile เหมาะมากสำหรับการเป็นแนวทาง พัฒนา Web ก็คือการใช้วิธี Prototype ด้วยเครื่องมือปัจจุบันที่ทำให้การสร้าง Prototype ทำได้ง่ายขึ้นและมีภาพที่เหมือนเป็นของจริง และ สามารถให้ User ได้ลอง Click จริง ทำให้ User สามารถบอกจุดที่ต้องการให้ปรับปรุงได้ง่ายกว่าในอดีตมาก

จากการนำ Agile มาใช้อีกเรื่องที่ทางผู้บริหารต้องให้การสนับสนุนก็คือ เรื่องงบประมาณที่ ไม่เหมือนกับ Water Fall ที่มีการจ่ายตามงวดงาน แต่พอเปลี่ยนวิธีการพัฒนาWeb Application ขั้นตอนการจ่ายเงิน ก็ต้องเปลี่ยนเป็นรายเดือนตามคนที่ต้องมาทำงานในช่วงนั้น ๆ ด้วย ในมุมนี้อาจจะมีผู้บริหารกังวลว่าจ่ายเงินไปแล้วจะไม่ได้ของ แต่จากประสบการณ์ที่บอกในตอนแรกว่า โอกาสความสำเร็จของโครงการพัฒนา App จะมีโอกาสสำเร็จมากกว่า และจากตัวเลขของต่างประเทศที่ทำข้อมูลเรื่องสถิติก็บอกในทิศทางเดียวกัน

การจัดเตรียมทีมงาน

ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญมากในการพัฒนาระบบ เพราะการทำงานจริงไม่ใช่เรื่องง่าย การพัฒนา App สามารถเปรียบเทียบได้กับการสร้าง บ้างหลังใหญ่ ซึ่งถ้าเราลองคิดดูว่าการสร้างบ้างหลัง 10 กว่าล้านต้องมีใครอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาบ้าง การพัฒนา App ก็มีทีมงานไม่น้อยกว่าการสร้างบ้านเลย ดังนั้นเราลองมาดูตำแหน่งต่าง ๆ ว่ามีใครกันบ้าง

• Project Manager
• Business Analysis
• System Engineer
• Designer UX/UI
• Database Admin
• Senior Programmer
• Programmer
• Audit
• Tester
• Admin

จะพบว่าคนที่เกี่ยวข้องมีหลายตำแหน่ง และในแต่ละตำแหน่งก็จำเป็นต้องมีหลายคนด้วย ที่นี่ขอยกตัวอย่าง Programmer เมื่อมาเทียบกับการสร้างบ้าน ก็อาจจะเป็นตำแหน่ง กรรมกรที่ต้องลงมือก่อปูน ก่อกำแพง ต่างกันตรงที่ Programmer ไม่ได้แบกอะไร แต่ต้องใช้สมองอย่างมากในการสร้าง ปุ่มสำหรับกด ช่องสำหรับใส่ข้อมูล ในแง่ของการทำงานหนักแล้วไม่ต่างกัน

และเราก็ไม่สามารถให้กรรมกร ทำหน้าที่ออกแบบบ้าน ตัว Programmer ก็ไม่สามารถออกแบบระบบได้เช่นกัน จึงจำเป็นต้องให้คนที่มีความสามารถในการออกแบบ Designer UX/UI เป็นคนสร้างแบบร่างของสิ่งที่ต้องการ

สำหรับทีม Test ก็มีบทบางที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งในการสร้างWeb Application ขึ้นมาซักตัว เพราะคนที่เป็น tester ต้องมองออกถึง Scenario การใช้งานที่มีโอกาสที่จะเกิดขึ้น และต้องนำมาเขียนเป็น test Case ต่างๆ ซึ่งอาจจะเป็น พันเป็นหมื่น Case และต้องมา Test ซ้ำแล้วซ้ำอีก แถมการ Test ยังต้องทำ Environment ทั้ง Develop , UAT , Production อีกด้วยนับว่าเป็นงานหนักมาก