Fabric vs Snowflake vs Databricks: เปรียบเทียบแพลตฟอร์มข้อมูลที่ดีที่สุด

ในยุคที่ธุรกิจต้องพึ่งพาการตัดสินใจบนพื้นฐานของข้อมูล การเลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสมสำหรับการวิเคราะห์ จัดเก็บ และประมวลผลข้อมูลมีความสำคัญมากกว่าที่เคย ด้วยตัวเลือกอย่าง Fabric vs Snowflake vs Databricks องค์กรจำเป็นต้องพิจารณาว่าโซลูชันใดตอบโจทย์ความต้องการได้ดีที่สุด เนื่องจากแต่ละแพลตฟอร์มมีความสามารถที่ทรงพลัง แต่เหมาะกับกรณีการใช้งานที่แตกต่างกัน
คู่มือนี้จะเปรียบเทียบแพลตฟอร์มชั้นนำทั้งสามด้านสถาปัตยกรรม ประสิทธิภาพ ราคา ความสามารถในการขยายตัว AI/ML และเครื่องมือวิเคราะห์ธุรกิจ (BI) เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ดีที่สุดสำหรับกลยุทธ์ด้านข้อมูลขององค์กรคุณ
ความแตกต่างหลักที่ควรรู้
Microsoft Fabric: แพลตฟอร์มข้อมูล & AI แบบครบวงจร
Microsoft Fabric เป็นแพลตฟอร์มข้อมูลยุคใหม่แบบ SaaS-based ที่รวมการวิศวกรรมข้อมูล การวิเคราะห์ การประมวลผลแบบเรียลไทม์ และเครื่องมือ AI เข้าไว้ในระบบเดียว Fabric สร้างขึ้นบน OneLake ซึ่งเป็นแนวทาง data lakehouse ของ Microsoft ออกแบบมาเพื่อธุรกิจที่ต้องการโซลูชันการวิเคราะห์ข้อมูลที่เรียบง่ายและมีการผสานรวมสูง
✅ จุดเด่นหลัก:
- โซลูชันแบบครบวงจร – รวม Power BI, Azure Synapse และ AI อัตโนมัติ เข้าไว้ในแพลตฟอร์มเดียว
- ผสานการทำงานกับ Microsoft ได้อย่างลึกซึ้ง – เหมาะสำหรับองค์กรที่ใช้ Azure, Office 365 และ Power BI
- AI ในตัวผ่าน Copilot – ช่วยสร้างแบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูล และทำงานอัตโนมัติ
- โครงสร้าง Lakehouse – จัดเก็บข้อมูลทั้งแบบมีโครงสร้างและไม่มีโครงสร้าง เพื่อการประมวลผลที่รวดเร็ว
⚠ ข้อจำกัด:
- เหมาะกับผู้ใช้ Azure เป็นหลัก อาจไม่เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการความยืดหยุ่นแบบมัลติคลาวด์
- ยังใหม่ในตลาด ทำให้มีการรองรับเครื่องมือของบุคคลที่สามน้อยกว่า Snowflake และ Databricks
Snowflake: แพลตฟอร์มคลาวด์ดาต้าแวร์เฮาส์
Snowflake เป็นแพลตฟอร์มข้อมูลบนคลาวด์แบบ fully managed ที่ออกแบบมาสำหรับ data warehousing, analytics และ business intelligence มีจุดแข็งด้าน การขยายตัวที่ดี รองรับมัลติคลาวด์ และต้นทุนที่คุ้มค่า
✅ จุดเด่นหลัก:
- รองรับมัลติคลาวด์ – ใช้งานได้ทั้งบน AWS, Azure และ Google Cloud
- ประสิทธิภาพสูงและปรับขนาดได้ง่าย – แยกส่วนการประมวลผลและการจัดเก็บข้อมูล ทำให้ปรับแต่งต้นทุนและประสิทธิภาพได้
- ความสามารถด้านการแชร์ข้อมูลขั้นสูง – สามารถแชร์ข้อมูลแบบเรียลไทม์อย่างปลอดภัยระหว่างองค์กร
- ไม่ต้องดูแลโครงสร้างพื้นฐาน – เป็นแพลตฟอร์มแบบ fully managed ไม่ต้องกังวลเรื่องเซิร์ฟเวอร์หรือการบำรุงรักษา
⚠ ข้อจำกัด:
- รองรับ AI/ML น้อยกว่าคู่แข่ง เช่น Databricks
- อาจมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นสำหรับเวิร์กโหลดที่ใช้ทรัพยากรมาก หากไม่ได้มีการบริหารจัดการที่ดี
Databricks: แพลตฟอร์มวิเคราะห์ AI และ Machine Learning ชั้นนำ
Databricks เป็นแพลตฟอร์มวิเคราะห์และ AI ที่สร้างขึ้นบน Apache Spark ทำให้เป็นตัวเลือกหลักสำหรับ big data processing, machine learning และ real-time analytics ใช้แนวทาง Lakehouse ที่รวมความยืดหยุ่นของ data lake และประสิทธิภาพของ data warehouse เข้าไว้ด้วยกัน
✅ จุดเด่นหลัก:
- ความสามารถ AI & ML ที่ดีที่สุด – รองรับ Python, MLflow และ AI Model Training
- โครงสร้าง Lakehouse – จัดเก็บข้อมูลแบบยืดหยุ่น พร้อมประสิทธิภาพการประมวลผลสูง
- รองรับ Big Data ปริมาณมหาศาล – เหมาะสำหรับ ETL, AI/ML และการประมวลผลข้อมูลแบบเรียลไทม์
- รองรับมัลติคลาวด์ – ใช้งานได้ทั้งบน Azure, AWS และ Google Cloud
⚠ ข้อจำกัด:
- ต้องใช้ความรู้ทางเทคนิคสูง – มี learning curve สูงกว่าคู่แข่ง Microsoft Fabric และ Snowflake
- ไม่เน้น Business Intelligence (BI) – ออกแบบมาสำหรับ AI/ML และ Big Data มากกว่าการสร้างรายงานหรือการวิเคราะห์แบบ BI
เปรียบเทียบ Fabric vs Snowflake vs Databricks

Feature | Microsoft Fabric | Snowflake | Databricks |
Suitable for | การวิเคราะห์ธุรกิจ (BI), การสร้างภาพข้อมูล, และการวิเคราะห์แบบครบวงจร | คลังข้อมูลบนคลาวด์, การจัดเก็บข้อมูลแบบขยายขนาดได้, และการแบ่งปันข้อมูลระดับองค์กร | ปัญญาประดิษฐ์ (AI), การเรียนรู้ของเครื่อง (ML), การวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่, และการประมวลผลแบบเรียลไทม์ |
ความง่ายในการใช้งาน | ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับผู้ที่คุ้นเคยกับ Power BI และเครื่องมือของ Microsoft | ติดตั้งง่าย เป็นระบบที่มีการจัดการเต็มรูปแบบ ไม่ต้องดูแลโครงสร้างพื้นฐานมาก | มีความซับซ้อน ต้องมีความรู้เกี่ยวกับ Spark, SQL, และ Python |
รองรับ AI & ML | รองรับ AI ขั้นพื้นฐานผ่าน Copilot (ช่วยสร้างแบบสอบถามอัตโนมัติและวิเคราะห์ข้อมูล) | รองรับ AI/ML ในระดับจำกัด (ต้องใช้เครื่องมือเสริม) | รองรับ AI & ML ที่ดีที่สุด (รองรับ Apache Spark, MLflow, และ AutoML) |
สถาปัตยกรรมข้อมูล | โครงสร้าง Lakehouse (รวมข้อมูลแบบมีโครงสร้างและไม่มีโครงสร้างใน OneLake) | โครงสร้าง Data Warehouse (ใช้โครงสร้าง Schema-Based เหมาะสำหรับข้อมูลแบบมีโครงสร้าง) | โครงสร้าง Lakehouse (ผสานความยืดหยุ่นของ Data Lake กับประสิทธิภาพของ Data Warehouse) |
ความยืดหยุ่นของคลาวด์ | รองรับเฉพาะ Azure (ผสานการทำงานกับระบบนิเวศของ Microsoft เท่านั้น) | รองรับมัลติคลาวด์ (ใช้งานได้บน AWS, Azure, และ Google Cloud) | รองรับมัลติคลาวด์ (ใช้งานได้บน AWS, Azure, และ Google Cloud) |
เครื่องมือวิเคราะห์ธุรกิจ (BI) และการสร้างรายงาน | ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้ BI – ผสานกับ Power BI และ Microsoft 365 อย่างลึกซึ้ง | มีความสามารถด้าน BI ที่ดี – รองรับ Tableau, Looker, และ Power BI | เน้น AI/ML มากกว่า BI – ไม่ได้ออกแบบมาเป็นหลักสำหรับการสร้างรายงาน |
การประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ & การวิเคราะห์ | รองรับการวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์และแบบ Batch แต่ยังไม่เหมาะที่สุดสำหรับข้อมูลขนาดใหญ่ | รองรับข้อมูลแบบมีโครงสร้างได้ดี แต่ไม่เหมาะกับการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่แบบเรียลไทม์ | เหมาะที่สุดสำหรับข้อมูลขนาดใหญ่ – ออกแบบมาสำหรับการประมวลผลข้อมูลปริมาณมากแบบเรียลไทม์ |
ETL & Data Pipelines | รองรับ ETL ได้ดี – มีตัวเชื่อมต่อในตัวสำหรับ Azure Data Factory และ Power Query | รองรับ ETL ขั้นพื้นฐาน – ใช้ SQL-based ELT และต้องพึ่งพาเครื่องมือ ETL ภายนอก | รองรับ ETL ขั้นสูง – รองรับ Spark-based ETL, Python, และ MLflow |
ความสามารถในการขยายตัวและประสิทธิภาพ | ปรับขนาดอัตโนมัติตามความต้องการของเวิร์กโหลด | แยกส่วนการจัดเก็บข้อมูลและการประมวลผลเพื่อความคุ้มค่า | ขยายขนาดได้สูง รองรับข้อมูลปริมาณมาก และเหมาะสำหรับการพัฒนาโมเดล AI |
ความปลอดภัยและการปฏิบัติตามข้อกำหนด | ระบบรักษาความปลอดภัยระดับองค์กรตามมาตรฐาน Azure | มีมาตรฐานความปลอดภัยสูงและรองรับหลายคลาวด์ | มีความปลอดภัยสูง แต่ต้องตั้งค่าเองให้เหมาะสม |
รูปแบบการคิดราคา | คิดราคาตามปริมาณการใช้งาน (มีหลายระดับราคาให้เลือก) | คิดราคาตามการใช้งาน (แยกค่าประมวลผล, การจัดเก็บข้อมูล, และบริการคลาวด์) | คิดราคาตามการใช้งานจริง (ขึ้นอยู่กับ VM Cluster, เวิร์กโหลด, และระยะเวลาการใช้งาน) |
จุดแข็งหลัก | เหมาะสำหรับผู้ใช้ Power BI และธุรกิจที่ใช้ Microsoft เป็นหลัก | เหมาะสำหรับคลังข้อมูลบนคลาวด์ที่ต้องการความปลอดภัยสูง | เหมาะสำหรับงานด้าน AI, ML และข้อมูลขนาดใหญ่ |
Limitations | จำกัดอยู่ในระบบนิเวศของ Azure ไม่รองรับมัลติคลาวด์ | ไม่มีความสามารถ AI/ML ในตัว | ต้องใช้ความรู้ด้านเทคนิคสูงในการตั้งค่าและจัดการ |
การเลือกใช้แพลตฟอร์ม: ควรเลือกตัวไหน?
เลือก Microsoft Fabric ถ้า:
- ธุรกิจของคุณใช้ Power BI, Azure และ Microsoft 365 เป็นหลัก
- คุณต้องการแพลตฟอร์มการวิเคราะห์ข้อมูลแบบครบวงจรที่มี AI ในตัว
- คุณต้องการโซลูชันที่ใช้งานง่ายและรองรับการวิเคราะห์แบบไม่ต้องใช้โค้ดมาก
เหมาะสำหรับ: การวิเคราะห์ธุรกิจ, การสร้างภาพข้อมูล และองค์กรที่ใช้ผลิตภัณฑ์ของ Microsoft
เลือก Snowflake ถ้า:
- คุณต้องการคลังข้อมูลบนคลาวด์ที่มีประสิทธิภาพสูงและขยายขนาดได้ง่าย
- คุณต้องการความยืดหยุ่นในการทำงานบนมัลติคลาวด์
- คุณต้องการแพลตฟอร์มที่มีความปลอดภัยสูงและเหมาะกับการปฏิบัติตามกฎระเบียบต่าง ๆ
เหมาะสำหรับ: คลังข้อมูลบนคลาวด์, การวิเคราะห์ขั้นสูง และการจัดการข้อมูลแบบข้ามคลาวด์
เลือก Databricks ถ้า:
- คุณต้องการแพลตฟอร์มที่เหมาะสำหรับ AI, ML และการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่
- องค์กรของคุณพัฒนาโมเดล Machine Learning และต้องการวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์
- คุณต้องการโซลูชันที่รองรับ Apache Spark และ ETL ขนาดใหญ่
เหมาะสำหรับ: งานด้าน AI/ML, การวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ และทีมงานที่เน้น Data Engineering
เปรียบเทียบราคา
โครงสร้างราคาของแต่ละแพลตฟอร์มมีความแตกต่างกันดังนี้:
- Microsoft Fabric: ใช้โมเดลการคิดราคาตาม SaaS โดยคิดค่าบริการตามการใช้งานและขีดความสามารถ
- Snowflake: คิดค่าบริการแยกตามส่วนของการประมวลผล, การจัดเก็บข้อมูล และบริการคลาวด์ ทำให้สามารถปรับแต่งค่าใช้จ่ายได้
- Databricks: ใช้โมเดลการคิดราคาตามปริมาณการใช้งาน โดยอิงจากเครื่องเสมือนและเวิร์กโหลด
แพลตฟอร์มใดคุ้มค่าที่สุด?
- Microsoft Fabric เหมาะสำหรับองค์กรที่ใช้งานเครื่องมือของ Microsoft อยู่แล้ว
- Snowflake เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับคลังข้อมูลบนคลาวด์ที่มีเวิร์กโหลดแบบแปรผัน
- Databricks เหมาะสำหรับการใช้งานที่เน้นการประมวลผล AI และ ML ขนาดใหญ่
สรุป: แพลตฟอร์มที่เหมาะกับธุรกิจของคุณ
แต่ละแพลตฟอร์มมีจุดแข็งเฉพาะตัว และตัวเลือกที่ดีที่สุดขึ้นอยู่กับความต้องการขององค์กร
- หากต้องการโซลูชันวิเคราะห์ข้อมูลและ BI แบบครบวงจร → Microsoft Fabric เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
- หากต้องการคลังข้อมูลบนคลาวด์ที่มีประสิทธิภาพและขยายขนาดได้ → Snowflake เป็นตัวเลือกที่โดดเด่น
- หากต้องการแพลตฟอร์มสำหรับ AI, ML และการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ → Databricks มีความสามารถสูงสุด
แพลตฟอร์มเหล่านี้ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นการเลือกใช้งานขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ด้านข้อมูล ความเชี่ยวชาญทางเทคนิค และเป้าหมายระยะยาวขององค์กร
หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับแพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูลจาก Microsoft สามารถดูรายละเอียดได้ที่ เว็บไซต์ทางการ.
Interested in Microsoft products and services? Send us a message here.
Explore our digital tools
If you are interested in implementing a knowledge management system in your organization, contact SeedKM for more information on enterprise knowledge management systems, or explore other products such as Jarviz for online timekeeping, OPTIMISTIC for workforce management. HRM-Payroll, Veracity for digital document signing, and CloudAccount for online accounting.
Read more articles about knowledge management systems and other management tools at Fusionsol Blog, IP Phone Blog, Chat Framework Blog, and OpenAI Blog.




