Semantic Telemetry: ยกระดับ Interaction with AI Systems ให้แม่นยำยิ่งขึ้น

เมื่อ AI กลายเป็นส่วนหนึ่งของแอปพลิเคชันในชีวิตประจำวันมากขึ้น ความเข้าใจเกี่ยวกับ Interaction with AI systems เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการปรับปรุงความสามารถในการใช้งาน ประสิทธิภาพ และความน่าเชื่อถือ อย่างไรก็ตาม วิธีการบันทึกข้อมูลแบบดั้งเดิมที่ติดตามพฤติกรรมของผู้ใช้จากการคลิกหรือการกดแป้นพิมพ์นั้นไม่สามารถจับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับบริบทและเจตนาของผู้ใช้ได้
เพื่อแก้ไขปัญหานี้ Microsoft Research ได้นำเสนอแนวทางใหม่ที่เรียกว่า การวัดผลเชิงความหมาย (Semantic Telemetry) ซึ่งมุ่งเน้นไปที่ความหมายและเจตนาของการโต้ตอบกับ AI วิธีการนี้ช่วยให้ระบบ AI สามารถให้คำตอบที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้มากขึ้น และสามารถปรับตัวให้เหมาะสมกับบริบทของการใช้งาน
การวัดผลเชิงความหมายคืออะไร?
การวัดผลเชิงความหมาย เป็นวิธีการวิเคราะห์การโต้ตอบระหว่างผู้ใช้และ AI ที่ก้าวหน้ากว่าการบันทึกข้อมูลแบบเดิม โดยไม่เพียงแค่บันทึกข้อมูลการป้อนคำสั่งและผลลัพธ์ที่ได้รับ แต่ยังสามารถ ตีความเจตนาของผู้ใช้ วิเคราะห์คำตอบของ AI และประเมินปัจจัยด้านบริบท ได้อย่างลึกซึ้ง
ต่างจากระบบบันทึกข้อมูลทั่วไปที่เก็บเพียงข้อมูลพื้นฐาน การวัดผลเชิงความหมายสามารถระบุรูปแบบการใช้งานของผู้ใช้ วัดประสิทธิภาพของคำตอบจาก AI และช่วยปรับปรุงระบบให้ตรงกับความคาดหวังของผู้ใช้ได้มากขึ้น
ความซับซ้อนของ Interaction with AI systems

ระบบ AI โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ใช้ โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLMs) สามารถรองรับบทสนทนาที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ผู้ใช้ไม่ได้ป้อนคำถามเพียงครั้งเดียวและรับคำตอบ แต่มี ลักษณะการสนทนาเชิงโต้ตอบที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงตามบริบท
ตัวอย่างเช่น ในการสนทนาเดียวกัน ผู้ใช้อาจทำสิ่งต่อไปนี้
- วางแผนงาน โดยสอบถามเกี่ยวกับสถานที่ วันที่ และรายชื่อแขก
- ประสานงานทีมงาน โดยขอข้อมูลตารางเวลาของสมาชิกในทีม
- จัดการด้านโลจิสติกส์ โดยค้นหาวิธีการเดินทางและค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม
ลักษณะของการโต้ตอบที่มีหลายขั้นตอนเช่นนี้ทำให้ระบบต้อง เข้าใจความเปลี่ยนแปลงของบริบท และความต้องการของผู้ใช้ที่พัฒนาไปเรื่อย ๆ ซึ่งการบันทึกข้อมูลแบบเดิมไม่สามารถรองรับได้ การวัดผลเชิงความหมายจึงเข้ามามีบทบาทในการวิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้อย่างลึกซึ้ง
ข้อมูลเชิงลึกจากการวัดผลเชิงความหมาย

จากการวิจัยพบว่า กลุ่มผู้ใช้ที่แตกต่างกันมีรูปแบบการโต้ตอบกับ AI ที่ไม่เหมือนกัน
- ผู้ใช้มือถือ มักใช้ AI ในการทำงานส่วนตัว เช่น การค้นหาข้อมูลด้านสุขภาพ วางแผนการเดินทาง หรือขอคำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลต้นไม้
- ผู้ใช้เดสก์ท็อป มักใช้ AI ในงานด้านธุรกิจ เช่น การเขียนอีเมล การสรุปรายงาน หรือการวิเคราะห์ข้อมูล
ข้อมูลเหล่านี้ช่วยยืนยันว่า AI ไม่ได้ถูกใช้เพียงเพื่อการค้นหาทั่วไปเท่านั้น แต่ยังถูกนำไปใช้ในบริบทที่หลากหลาย ซึ่งหมายความว่า AI ควรสามารถปรับการตอบสนองให้เหมาะสมกับลักษณะการใช้งานของแต่ละบุคคล
AI ก้าวข้ามการค้นหาแบบดั้งเดิมสู่การสนทนาอัจฉริยะ
ในปัจจุบัน AI ไม่ได้เป็นเพียงแค่เครื่องมือค้นหาข้อมูลอีกต่อไป แต่ยังถูกใช้เพื่อ
- สรุปข้อมูล – วิเคราะห์และสกัดประเด็นสำคัญจากเนื้อหาที่ยาว
- สร้างเนื้อหา – ช่วยเขียนบทความ รายงาน หรืออีเมล
- เปรียบเทียบทางเลือก – สนับสนุนการตัดสินใจโดยให้ข้อมูลเปรียบเทียบ
- วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก – ตอบคำถามที่ซับซ้อนโดยใช้เหตุผลจากบริบทที่เกี่ยวข้อง
แนวโน้มนี้แสดงให้เห็นว่า AI กำลังกลายเป็นผู้ช่วยที่สามารถสนทนาและโต้ตอบกับผู้ใช้ในระดับที่ซับซ้อนมากขึ้น ซึ่งจำเป็นต้องใช้ การวัดผลเชิงความหมาย ในการติดตามและปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานให้ดียิ่งขึ้น
บทบาทของ AI เชิงความหมาย
แกนหลักของ การวัดผลเชิงความหมาย คือแนวคิดของ AI เชิงความหมาย (Semantic AI) ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การทำความเข้าใจบริบทและความหมายของข้อมูลที่ผู้ใช้ป้อน แทนที่จะอาศัยเพียงการจับคู่คำหลักแบบพื้นฐาน
example: ผู้ใช้ค้นหา “แล็ปท็อปน้ำหนักเบาสำหรับเดินทาง”
- AI แบบเดิม อาจเน้นที่คำว่า “แล็ปท็อป” และ “เดินทาง”
- AI เชิงความหมาย จะเข้าใจเจตนาของผู้ใช้ นั่นคือ ต้องการอุปกรณ์ที่พกพาสะดวกและมีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนาน
ด้วยความสามารถในการตีความคำที่กำกวมและเข้าใจเจตนาของผู้ใช้ AI เชิงความหมายช่วยปรับปรุงประสบการณ์การใช้งาน AI ให้มีความชาญฉลาดและเป็นธรรมชาติมากขึ้น
บทบาทของการวัดผลเชิงความหมายในการโต้ตอบกับ Interaction with AI systems

- การเก็บข้อมูลเชิงบริบท
ระบบบันทึกข้อมูลแบบเดิมจะบันทึกเพียงข้อมูลการป้อนคำสั่งและผลลัพธ์ที่ได้รับ โดยไม่มีความเข้าใจเกี่ยวกับ เหตุผลของการโต้ตอบนั้น ในทางตรงกันข้าม การวัดผลเชิงความหมาย สามารถวิเคราะห์เป้าหมายของผู้ใช้และประเมินประสิทธิภาพของ AI ได้
ตัวอย่าง: ระบบแชทบอท
- การบันทึกข้อมูลแบบเดิม: บันทึกเพียงคำถามและคำตอบ
- การวัดผลเชิงความหมาย: วิเคราะห์ว่า AI ตอบถูกต้องหรือไม่ ผู้ใช้ต้องพิมพ์ใหม่หรือไม่ และมีสัญญาณของความไม่พอใจ เช่น การแก้ไขข้อความซ้ำๆ หรือไม่
- การปรับปรุง AI ให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้
การวิเคราะห์รูปแบบการโต้ตอบช่วยให้ AI สามารถปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของผู้ใช้ ทำให้คำตอบมีความแม่นยำและเป็นส่วนตัวมากขึ้น
example: ผู้ช่วยเสมือนสามารถปรับปรุงคำแนะนำของตนเองโดยอิงจากข้อมูลการใช้งานในอดีต
- การระบุจุดอ่อนของ AI
การวัดผลเชิงความหมายช่วยให้ระบบ AI ระบุจุดที่ไม่สามารถตอบสนองผู้ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และนำไปสู่การพัฒนาโมเดลที่แม่นยำขึ้น
ตัวอย่าง: ระบบสนับสนุนลูกค้า
- หากพบว่าผู้ใช้จำนวนมากเลือกขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่หลังจากใช้ AI ระบบสามารถระบุ จุดที่ AI ตอบสนองได้ไม่ดีพอ และแนะนำแนวทางในการพัฒนาเพิ่มเติม
การประยุกต์ใช้การวัดผลเชิงความหมายในโลกจริง
การวัดผลเชิงความหมายมีบทบาทสำคัญในหลายอุตสาหกรรม:
- การพัฒนา AI สำหรับการสนทนา – ปรับปรุงประสิทธิภาพของแชทบอทโดยการวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ใช้
- การวิเคราะห์ AI ในองค์กร – ช่วยให้บริษัทสามารถปรับปรุงโมเดล AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของระบบอัตโนมัติ
- การพัฒนาอัลกอริทึมของเครื่องมือค้นหา – วิเคราะห์ความพึงพอใจของผู้ใช้จากผลลัพธ์ที่ AI สร้างขึ้น
- การพัฒนา AI ในด้านการแพทย์ – ติดตามและปรับปรุงการให้คำแนะนำทางการแพทย์โดย AI
อนาคตของการโต้ตอบกับ AI ด้วยการวัดผลเชิงความหมาย
ในขณะที่ระบบ AI มีความเป็นอิสระมากขึ้น การทำความเข้าใจรูปแบบการโต้ตอบกับผู้ใช้เป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนา AI ให้มี ความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ และความพึงพอใจของผู้ใช้
การวัดผลเชิงความหมายเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยให้:
- เพิ่มประสิทธิภาพของ AI – ระบุจุดที่ AI ไม่สามารถตอบสนองตามความคาดหวังของผู้ใช้
- ปรับปรุงความสามารถในการปรับตัวของ AI – พัฒนาโมเดลให้สามารถตอบสนองได้อย่างแม่นยำมากขึ้น
- เสริมสร้างประสบการณ์ผู้ใช้ – ลดอุปสรรคในการใช้งานโดยการวิเคราะห์รูปแบบบริบทของผู้ใช้
- เพิ่มความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือของ AI – ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการตัดสินใจของ AI เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ใช้
Summary
ความสำเร็จของ AI ขึ้นอยู่กับความสามารถในการทำความเข้าใจ ปรับตัว และตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้ การวัดผลเชิงความหมายเป็น นวัตกรรมที่เปลี่ยนแปลงการวิเคราะห์การโต้ตอบกับ AI โดยให้ข้อมูลเชิงลึกแบบเรียลไทม์เกี่ยวกับการเรียนรู้และพัฒนาของ AI
องค์กรที่นำ การวัดผลเชิงความหมาย มาใช้ จะได้เปรียบในการแข่งขัน เนื่องจากสามารถพัฒนา AI ที่มีความเป็นมิตรต่อผู้ใช้ โปร่งใส และมีประสิทธิภาพสูงขึ้น เมื่อ AI ยังคงมีบทบาทสำคัญต่ออนาคต การวัดผลเชิงความหมายจะเป็นกุญแจสำคัญในการปลดล็อกศักยภาพของ AI อย่างเต็มที่
Microsoft Research ได้นำเสนอแนวทาง การวัดผลเชิงความหมาย ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่.
Interested in Microsoft products and services? Send us a message here.
Explore our digital tools
If you are interested in implementing a knowledge management system in your organization, contact SeedKM for more information on enterprise knowledge management systems, or explore other products such as Jarviz for online timekeeping, OPTIMISTIC for workforce management. HRM-Payroll, Veracity for digital document signing, and CloudAccount for online accounting.
Read more articles about knowledge management systems and other management tools at Fusionsol Blog, IP Phone Blog, Chat Framework Blog, and OpenAI Blog.



